จากกรณีที่มีกลุ่มผู้เสียหายทั้งชาวไทยและต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ว่าถูกอดีตผู้ช่วยผู้จัดการธนาคาร (ผช.ผจก.) ชื่อดังแห่งหนึ่งสับเปลี่ยนเงินในบัญชี บางรายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนจนสูญเงินนับล้านบาท ขณะที่บางรายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนในกองทุนต่างๆ โดยอ้างว่าจะได้ค่าตอบแทนหรือดอกเบี้ยสูงจนสูญเงินหลายสิบล้านบาท
นอกจากนั้น ยังพบว่าผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารชื่อดังในเมืองพัทยารายนี้ยังถูกธนาคารต้นสังกัดแจ้งจับจนถูกนำตัวเข้าเรือนจำเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา หลังนำเอกสารของธนาคารไปเผาทำลายจนทำให้ได้รับความเสียหายนั้น
ความคืบหน้า ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 9 ธ.ค.64 ทนายความพร้อมกลุ่มผู้เสียหายชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 20 ราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา เพื่อติดความคืบหน้าของสำนวนคดีดังกล่าว
โดย ทนายต้อม ทนายความตัวแทนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ในวันนี้ กลุ่มผู้เสียหายได้ขอเข้าพบหัวหน้าสถานี สภ.เมืองพัทยา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการสอบสวนของคดี หลังจากที่ผู้เสียหายทั้งหมดเดินทางเข้าพบอัยการจังหวัดพัทยา เมื่อวันที่ 16 ก.พ.63 ที่ผ่าน แต่เรื่องราวกลับเงียบมาเนิ่นนาน จนเกือบจะครบ 1 ปี โดยก่อนหน้านี้ได้ติดต่อธนาคารต้นสังกัด แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด และได้พยายามนัดไกล่เกลี่ยที่สถานีตำรวจ แต่ธนาคารกลับบ่ายเบี่ยงให้ไปที่ธนาคาร เมื่อไปถึงธนาคารก็ทำแค่เพียงอัพเดทสมุดบัญชี เพื่อเก็บหลักฐาน แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า จึงต้องรวมตัวเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้
ทั้งนี้ พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้รับเรียนร้องเรียนดังกล่าว แต่เนื่องจากเพิ่งย้ายมาประจำการได้ไม่นาน เบื้องต้น จะต้องทำการรวบรวมรายชื่อของผู้เสียหายทั้งหมดก่อน ว่ามีกี่ราย แต่ละรายเสียหายจำนวนเงินกี่บาท และรายละเอียดหลักฐานการแจ้งความต่างๆ จากนั้น จะทำการจัดตั้งทีมสืบสวนเฉพาะกิจ เพื่อดูแลสืบสวนสอบสวนในคดีนี้โดยเฉพาะ อีกทั้ง จะติดต่อพูดคุยกับทางธนาคารว่า เงินของผู้เสียหายได้สูญหายไปจากบัญชีนับ 100 ล้านบาท แต่ทางธนาคารกลับไม่แสดงความรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าจะใช้ทุกกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม และได้รับเงินคืนต่อไป..