หน้าแรก ข่าวประชาสัมพันธ์ พ่อป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลห้องไอซียู14วัน ก่อนเสียชีวิต ลูกไปรับกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ของพ่อ ที่ ระ พบในกระเป๋าสตางค์พบบัตรเอทีเอ็มและธนบัตรเก่าสะสมหายไป และมีการถอนเงินสดออกไปจากบัญชี

พ่อป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลห้องไอซียู14วัน ก่อนเสียชีวิต ลูกไปรับกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ของพ่อ ที่ ระ พบในกระเป๋าสตางค์พบบัตรเอทีเอ็มและธนบัตรเก่าสะสมหายไป และมีการถอนเงินสดออกไปจากบัญชี

224
0
แบ่งปัน

  นางวิไลวรรณ กอนตระกูล อายุ35ปีหรือ แนนผู้เป็นลูก พร้อมด้วยนางสาวจ๋า อายุ40ปืผู้เป็นหลาน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ยุทธพล บุญเกิด พนักงานสอบสวนร้อยเวรประจำวัน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังพ่อได้ไปรักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่งในพิ้นที่อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี แล้ว บัตรเอทีเอ็มในกระเป๋าสตางค์หายไป พร้อมทั้งมีการถอนเงินออกจากบัญชีไปเป็นจำนวนเงิน4,500บาท ทั้งๆที่พ่อ นอนรักษาตัวอยู่ห้องไอซียู ไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ รวมทั้งธนบัตรเก่าสะสมของพ่อก็หายไปด้วย   จากการสอบถาม  แนน บุตรสาวและ จ๋าได้เล่าว่า เมื่อวันที่25ม.ค.2565ที่ผ่านมา ผู้เป็นบิดาได้เข้ามารักษาตัวที่รพ.แห่งนี้ ด้วยอาการป่วยด้วยโรคประจำตัว  พ่อยังมีสติดีทุกอย่าง โดยพ่อจะมีกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์1เครื่องที่ติดตัวไว้ ในกระเป๋าสตางค์ก็จะมีเอกสาร เงินสดจำนวนหนึ่ง และธนบัตรเก่าสะสมอยู่จำนวนหลายใบ รวมถึงบัตรเอทีเอ็ม ที่พ่อจะจดรหัสบัตรเอทีเอ็มใส่กระดาษไว้ในซองด้วย เวลาจะใช้กดเงินจะได้จำเลขได้ไม่ต้องคอยถามลูกๆ หลังจากเข้าทำการรักษาตัวได้3วัน พ่อมีอาการทรุดลงหนัก ทางรพ.ได้แจ้งมายังญาติ จะต้องนำพ่อเข้าห้องไอซียูเมื่อวันที่28ม.ค.ซึ่งทางรพ.งดญาติเยี่ยมทุกกรณี หากทางญาติจะสอบถามอาการ หรืออยากเห็นพ่อ ก็จะให้โทรวิดีโอคอล ผ่านโทรศัพท์ของพ่อ ซึ่งทางพยาบาลเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของพ่อไว้ทั้งกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์


      ต่อมาในช่วงเที่ยงของวันที่8ก.พ. ทางรพ.ได้แจ้งกับทางญาติว่า พ่อได้เสียชีวิตแล้ว ติดต่อให้ทางญาติผู้เป็นลูกมารับทรัพย์สินของผู้ตายกลับ พร้อมทำเรื่องนำศพของพ่อไปบำเพ็ญกุศลต่อไป ซึ่งหลังจากทื่ตนเองไปรับกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ของพ่อกลับมาก็พบว่า บัตรเอทืเอ็มของพ่อหายไปพร้อมกับธนบัตรเก่าหลายใบและเงินสดจำนวนหนึ่ง อีกทั้งในโทรศัพท์ได้มีเอสเอ็มเอสแจ้งเตือน การถูกถอนเงินไปจำนวน4,500บาทเมื่อวันที่2ม.ค.เวลา18:15น.ซึ่งเป็นวันที่พ่อนอนไม่มีสติอยู่ในห้องไอซียู และก็ห้ามญาติเยี่ยม อีกทั้งมีการลบแอพธนาคารออกจากระบบอีกด้วย   ในเบื้องต้นทางผู้เป็นลูกได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพี่อขอความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากแจ้งความแล้ว ได้เดินทางไปยังรพ.ที่พ่อเข้ารักษาตัว โดยขึ้นไปที่ชั้น5 เพื่อสอบถามพยาบาลกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่พยาบาลที่เข้าเวรอยู่ ได้อธิบายกับผู้เสียหายว่า ไม่ทราบจริงๆมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งพ่อตอนที่เข้ามาทำการรักษาตัวที่รพ. ก็มีการย้ายมาจากตึกหน้า ก่อนที่จะมารักษาตัวอยู่ที่ชั้น5ของตึกนี้ และพยาบาลเจ้าหน้าที่ก็มีการสลับเปลี่ยนเวรกันตลอด พร้อมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ ทางพยาบาลที่ประจำตึก ก็อยากรู้ว่าเป็นฝีมือใคร


     ในส่วนของแนนผู้เป็นลูกสาว ได้ชี้แจงกับทางพยาบาลโดยมั่นใจว่า ไม่มีญาติคนไหนที่จะมากระทำการเช่นนี้ได้ เนื่องจากตั้งแต่คุณพ่อเข้ามารักษาตัวอยู่ในรพ.นี้จำนวน14วัน ทางรพ.ไม่อนุญาติให้ลูกหรือญาติเข้าเยี่ยมได้เลย กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ของพ่อ ทางพยาบาลก็เป็นผู้ดูแลเก็บรักษาไว้ให้ แล้วมาเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร หากเป็นการกระทำของพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่คนใดคนนึงในรพ.ดังกล่าวจริง ก็เป็นเรื่องที่เสื่อมเสียมากๆ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคนไข้รายอื่นได้อีก  ในส่วนของทางร้อยเวรเจ้าของคดี ก็ได้รับแจ้งความไว้เบื้องต้น พร้อมทั้งจะได้ทำเอกสารถึงธนาคารต้นสังกัด ขอดูกล้องวงจรปิด จากวันและเวลาดังกล่าวที่มีการถอนเงินออกไปจากบัญชีผู้ตาย เพื่อจะได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป..