เมื่อวันนี้ (8 มี.ค.) เวลา 13.30 น.ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ชมรมกลุ่มผู้ประกอบการจอมเทียนพัทยา จำนวนกว่า 20 ราย เดินทางเข้าพบ นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา เพื่อร้องเรียนจากกรณีที่ถูกข้าราช การในสังกัดเมืองพัทยา หลอกลวงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต SHA + และใบประกอบการอื่นๆทั้งใบประกอบการพานิช ใบอนุญาตจำหน่ายอาหาร รวมไปถึงภาษี โดยอ้างว่าสามารถทำได้รวดเร็วแต่ต้องมีค่าธรรมเนียม ซึ่งผู้ประกอบการนับสิบรายโดนเรียกเก็บตั้งแต่ 3,000-45,000 บาท แต่ปรากฏว่าเมื่อนำใบได้ติดแสดงทีร้านและมีการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าตำรวจ เมื่อตรวจสอบเอก สารพบว่าไม่อยู่ในสาระบบของการให้อนุญาตจากภาครัฐ จึงถือเป็นเอกสารปลอมและถูกดำเนินคดีจนร้านได้รับความเสียหาย
ผู้ประกอบการรายหนึ่งแจ้งว่าหลังรัฐผ่อนคลายมาตรการจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยอนุญาตให้ผู้ประกอบการทำการปรับปรุงสถานที่ภายในร้าน และข้อกำหนดตามกฎหมาย ก่อนจะมีการตรวจสอบและออกใบอนุญาต SHA + ให้จาก ททท. รวมทั้งใบอนุญาตประกอบกิจการ และจำหน่ายอาหาร ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงได้เร่งดำเนินการหลังปิดตัวมานานกว่า 2 ปี ทั้งนี้พบว่าต่อมามีข้าราชการของเมืองพัทยารายดังกล่าวเข้ามาประสานและแจ้งว่าสามารถออกใบอนุญาตให้ได้ภายในเวลารวดเร็ว ขณะที่หากเข้าสู่ระบบขั้นตอนการตรวจสอบอาจใช้เวลานานนับสัปดาห์ แต่ต้องมีค่าบริการจัดทำใบละ 3,000-45,000 บาท ด้วยความที่อยากรีบเปิดกิจการจึงยินยอมชำระเงินและได้เอกสารใบอนุญาตตามที่กล่าวอ้าง เมื่อนำมาติดตั้งและมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมาตรวจสอบ ปรากฏว่าไม่พบเลขที่หรือรายชื่อร้านในสาระบบแต่อย่างใด จึงถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทำให้ได้รับความเสียหายจึงรวมตัวกันเดินทางมาพร้อมเอกสารการโอนเงิน รวมทั้งหลักฐานอื่นๆเพื่อเข้าร้องเรียนดังกล่าว
ด้านนายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่าเอกสารเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องนำมาติดแสดงไว้ที่ร้าน อาทิ SHA + ซึ่งเป็นข้อกำหนดต่อกิจการที่ต้องการรับนักท่องเที่ยวโดยมี ททท.เป็นผู้ตรวจสอบและออกใบอนุญาต ขณะที่ใบอนุญาตอื่นๆอย่างจำหน่ายอาหาร คงเป็นหน้าที่ของเมืองพัทยา ซึ่งมีค่าธรรมเนียมไม่มากแต่อาจล่าช้าไปบ้าง เพราะต้องใช้เวลาในการลงพื้นที่ตรวจสอบ ทั้งนี้หลังจากรับเรื่องร้องเรียนและตรวจสอบเอกสาร รวมทั้งหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมาแสดงแล้ว ต้องยอมรับว่าสามารถระบุตัวตนและพฤติกรรมของผู้กระทำผิดได้อย่างชัดเจน ซึ่งจากนี้ได้มอบหมายให้ปลัดเมืองพัทยาจัด ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษทางวินัยแก่ข้าราชการรายนี้อย่างเด็ดขาดซึ่งมีโทษสูงสุดถึงขั้นให้ออกจากราชการ พร้อมกันนี้จะได้ตรวจเส้นทางการเงินในพฤติกรรมดังกล่าวว่ามีผู้รู้เห็นหรือมีข้าราช การรายอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตามเมืองพัทยาคงดำเนินการได้ในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะที่ความผิดทางกฎหมายทั้งทางอาญาและแพ่งนั้นได้มอบหมายให้ทางผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองพัทยา ต่อไป