ในช่วงเช้าของวันนี้ 23 ธ.ค.65 กลุ่มญาติ พ.จ.อ สมเกียรติ หมายชอบ นาวิกโยธิน กำลังพล 1 ใน 6 นาย ที่กองทัพเรือเคลื่อนร่างโดยเครื่องบิน C130 มา จัดพิธีสวดพระอภิธรรมคืนแรกที่ฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี ได้เดินทางมาขอเคลื่อนศพ พ.จ.อ สมเกียรติ กลับบ้านเกิดที่ ต.คูตัน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยมีเจ้าหน้าที่กองทัพเรือ อำนวยความสะดวกทั้งยานพาหนะและกำลังพล
ซึ่งจากการสอบถาม นางวันนา อินหา ผู้เป็นพี่สาว พ.จ.อ สมเกียรติ ระบุว่า สาเหตุที่ต้องรีบเคลื่อนศพ เนื่องจากต้องการพาน้องชายกลับบ้านให้ทันวันนี้ ที่จะต้องตั้งสวดพระอภิธรรมต่อที่วัดแถวบ้าน ในพื้นที่ ต.คูตัน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ รวมถึงช่วงที่เจอน้องชายครั้งสุดท้าย เหมือนน้องสั่งเสียว่า ถ้าตัวเองไม่อยู่ ขอให้ช่วยเลี้ยงลูกวัย 10 ขวบให้ด้วย และ ถ้าเป็นอะไรไป ขอให้พากลับบ้าน โดยนางวันนา ยังได้ถามกลับว่าแล้วจะเป็นอะไรไป อยู่ด้วยกันไปนานๆ แบบนี้ก่อน แต่น้องชายก็บอกว่า อาชีพแบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ และ วันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ยังโทรศัพท์คุยกันบอกว่า ปีใหม่จะรีบกลับบ้าน จะไปกินข้าวกับที่บ้าน แต่ก็ไม่คิดว่า นั่นจะเป็นเหมือนคำสั่งเสียครั้งสุดสุดท้าย ครอบครัวจึงขอนำร่างกลับให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมรถทหารเพื่อเคลื่อนโลงศพใส่รถ โดยมีนายทหารที่เป็นเพื่อนๆ ร่วมรุ่นของ พ.จ.อ สมเกียรติ ซึ่งรู้จักกันมากว่า 25 ปี มาร่วมส่งเกือบ 10 คน มาช่วยยกโลงและเคาะโลงเคาะรถลาเพื่อนให้ไปดี ให้กลับไปถึงบ้าน และถ่ายรูปกับเพื่อนเป็นครั้งสุดท้ายที่ท้ายรถ ซึ่งระหว่างเคลื่อนศพออกจากศาลาฯ มาใส่รถบรรทุกทหารนั้น มีเพื่อนบางนายปาดน้ำตาเป็นระยะ ขณะที่รถของกระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดเตรียมรถตู้ไว้ให้กลุ่มญาตินั่ง เพื่อร่วมเดินทางกลับไปที่ จ.สุรินทร์ ด้วย
ทั้งนี้ปัจจุบัน พ.จ.อ สมเกียรติ หมายชอบ อายุ 45 ปี เป็นหนึ่งในกำลังพลที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอัปปาง และในระหว่างการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล แต่เดิมมีการแจ้งชื่อว่า เป็นพันจ่าเอกจีรวัฒน์ เจริญศิลป์ แต่เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2565 ศูนย์พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ยืนยันว่า เป็น พ.จ.อ.สมเกียรติ โดยมีญาติเป็นผู้ยืนยัน
และ ที่ศูนบ์ประสาน งานช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ที่สโมสรสัญญาบัตรกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีญาติของกำลังพลที่ยังสูญหายพากันมารอฟังความคืบหน้าในการค้นหาจำนวนหนึ่ง โดยส่วนใหญ่มีความหวังในการรอฟังข่าวว่าจะมีการพบญาติที่อาจจะมีชีวิตรอดปลอดภัยหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกองทัพเรือยังคงจัดตั้งศูนย์ฯต่อไป เพื่อไว้คอยประสานงานและแจ้งข่าวให้กับญาติซึ่งทยอยเดินทางมายังต่อเนื่อง จนกว่าจะพบผู้สูญหายทั้ง 23 ราย