เมื่อวันที่ 6 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.อารียา แสนสุข อายุ 20 ปี นักศึกษาสาว(ผู้เสียหาย) นายวาณิชย์ กันดิษฐ์ ประธานชมรมทนายความจังหวัดพัทยา และนางสาวกนกลดา โมรินทร์ กรรมการชมรมทนายความจังหวัดพัทยา กรณีรถยนต์ของผู้เสียหายประสบอุบัติเหตุ บนถนนโครงการก่อสร้างเกาะกลางถนนเทพประสิทธิ์ เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แต่ไม่มีหน่วยงานใดแสดงความรับผิดชอบ
น.ส.อารียา แสนสุข ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อเวลาประมานเที่ยงคืน ของวันที่ 4 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา ตนเองได้ขับรถยนต์เก๋ง ฮอนด้า ซิตี้ ทะเบียน ขฉ 576 อุดรธานี เดินทางออกจากซอยเทพประสิทธิ์13 โดยตนเองไม่เห็นว่า บริเวณดังกล่าวมีการก่อสร้างเกาะกลางถนนอยู่ เนื่องจากบริเวณเกาะกลางถนนดังกล่าวไม่มีสัญลักษณ์ หรือแถบสะท้อนแสง ไม่มีป้ายเตือนการก่อสร้าง อีกทั้ง ไม่มีแสงไฟส่องสว่าง ถนนมืด ตนจึงขับรถเลี้ยวขวาขึ้นไปบนถนน ก่อนจะชนเข้าเกาะกลางอย่างจัง ส่งผลให้รถยนต์ขึ้นไปคาอยู่บนเกาะกลาง สภาพรถเสียหายยับเยิน
โดยหลังจากเกิดเหตุ ตนเองได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา จากนั้นนำบันทึกประจำวันเข้าร้องเรียนเรื่อง ที่ ศาลาว่าการเมืองพัทยา โดยเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้ หลังจากนั้น 1 วัน เจ้าหน้าที่เมืองพัทยา ได้ติดต่อกลับมาว่า ไม่สามารถเยียวยาผู้ประสบอุบัติเหตุได้ พร้อมกับให้เบอร์ติดต่อบริษัทผู้รับเหมาโครงการ เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังไม่เสร็จสิ้น ยังอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทผู้รับเหมา
ตนจึงติดต่อพูดคุยกับ เจ้าหน้าที่บริษัทผู้รับเหมา ซึ่งได้รับคำตอบที่ไม่น่าประทับใจนัก โดยทางบริษัทได้ปัดความรับผิดชอบ ชี้ว่าเป็นความผิดของตนเอง และมีการท้าทายให้ไปแจ้งความฟ้องร้องเอาเอง อีกทั้งยังข่มขู่จะเรียกค่าสินไหมชดเชย เนื่องจากทำทรัพย์สินของบริษัทเสียหายอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทรับเหมายังทราบดีว่า อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างดังกล่าว ไม่ได้ขึ้นเพียงครั้งเดียว ยังมีผู้เสียหายรายอื่นอีก แต่บริษัทผู้รับเหมากลับจงใจไม่ดำเนินการแก้ไข หรือปรับปรุง แต่อย่างใด ซึ่งเป็นการแสดงถึงการไร้ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างเห็นได้ชัด (พร้อมทั้งนำคลิปเสียงที่บันทึกไว้ ให้ผู้สื่อข่าวได้รับฟัง)
น.ส.อารียา แสนสุข ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้เมืองพัทยา หรือโครงการก่อสร้างถนนอื่นๆ ควรมีป้ายเตือนหรือสัญลักษณ์การก่อสร้างให้ชัดเจน หากมีชาวบ้านประสบอุบัติเหตุลักษณะเดียววัน หน่วยงานใดจะแสดงความรับชอบ ซึ่งอุบัติเหตุมีแต่ทำให้เกิดการสูญเสีย อาจจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บ พิการ หรือขั้นเสียชีวิตได้ และทรัพย์สินเสียหายอีกด้วย ซึ่งยังคงไม่ทราบว่า หน่วยการใดจะเป็นผู้รับผิดชอบ จึงอยากฝากเคสนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนภัยถึงประชาชนคนทั่วไปให้ระมัดระวังในการใช้ถนนในเขตก่อสร้างให้มากยิ่งขึ้น
ด้าน ตัวแทนชมรมทนายความจังหวัดพัทยา เปิดเผยว่า หลังจากรับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย ทางชมรมทนายความจังหวัดพัทยา ได้เดินทางมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเกาะกลางถนนที่สร้างขึ้นใหม่ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ไม่มีป้ายเตือน หรือสัญลักษณ์สะท้อนเสียง ซึ่งหากเป็นเวลากลางคืน หรือมืดค่ำ อาจจะมองเห็นได้ยาก หากผู้ที่ไม่เคยเห็นเกาะกลางนี้มาก่อน อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับเกาะลางถนนนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยในด้านข้อกฎหมาย มิใช่เพียงผู้รับเหมาที่มีความผิดเท่านั้น หน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลอาจจะมีความผิดไปด้วยเช่นกัน
สำหรับการก่อสร้างเกาะกลางถนน เป็นส่วนโครงการปรับปรุงถนนเทพประสิทธิ์และพื้นที่ใกล้เคียง ของเมืองพัทยา โดยมีการดำเนินการใน 4 ส่วน ประกอบด้วย 1.วางท่อรับน้ำ เพื่อการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจากซอยก่อไผ่ ระบายลงสู่ซอยเทพประสิทธิ์ 7และ9 ออกจอมเทียนสาย 2 ลงทะเล 2.วางท่อร้อยสายเพื่อรองรับ การนำสายไฟลงดินของการไฟฟ้าในอนาคต เพื่อไม่ให้ขุดซ้ำอีกครั้ง 3. ทำเกาะกลางถนน ขนาด 90 ซม. โดยไม่ได้กระทบ ขนาดของผิวการจราจรเดิม ซึ่งได้ปรับขนาดทางเท้าลงทั้งสองฝั่ง ๆละ 50 ซม. เพื่อให้ผิวการจราจรมีขนาดเท่าเดิม และ 4.เพิ่มสัญญาณไฟจราจรบริเวณแยกซอยก่อไผ่ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งการดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในช่วงเดือนกันยายน 2566
โดยที่เมื่อไม่นานมานี้ ชาวบ้าน ผู้ประกอบการ พ่อค้า ประชาชนเมืองพัทยา ที่อาศัยเส้นทางถนนเทพประสิทธิ์ จำนวนหนึ่งได้ออกมารวมตัวกัน ชูป้ายประท้วง ตั้งกองอำนวยการรวบรวมรายชื่อประชาชนผู้คัดค้านโครงการการก่อสร้างเกาะกลางถนนเทพประสิทธิ์ เนื่องจากทำให้จุดยูเทิร์นน้อยลง ถนนแคบลง ไม่สะดวกต่อวิถีชาวบ้าน และทำให้เกิดอุบัติเหตุ กระทบต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงผู้ใช้ถนนเป็นอย่างยิ่ง ก่อนนำรายชื่อส่งเรื่องร้องเรียนถึงเมืองพัทยา เพื่อให้นำความคิดเห็นของประชาชนไปปรับปรุงแก้ไข ซึ่งปัจจุบันยังคงไม่มีการดำเนินการแก้ไข อีกทั้งยังเกิดอุบัติเหตุขึ้นอยู่เป็นประจำ..
