ความคืบหน้า กรณี น.ช.ธนภัทร มายอด หรือต่อ อายุ 37 ปี นักโทษคดีลักทรัพย์ หนีออกจากโรงพยาบาลบางละมุง เมื่อช่วงเวลา 02.00 น. ( 9 ธ.ค.66 ) หลังเข้ามารับการผ่าตัด อวัยวะเพศ เนื่องจากฉีดเพิ่มขนาดแล้วเกิดการอักเสบติดเชื้ออย่างรุนแรง จึงเข้ารับการผ่าตัด ที่ รพ.บางละมุง เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.66 หลังผ่าตัดเสร็จ หมอได้นอนพักฟื้น ที่ห้องคนไข้ แผนกศัลยกรรมชั้น 7 เตียง 32 ก่อนหลบหนีไปทานด้านหลังโรงพยาบาล ตาม ที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น
โดยภาพกล้องวงจรปิดเรียงลำดับ นักโทษชาย หนีออกจากโรงพยาบาล วันที่ 8 ธ.ค.2566 เวลา 19.00 น. นางสาววาสนา ก๊วยสุวรรณ อายุ 30 ปี เมียของ น.ช.ธนภัทร มายอด ได้เดินทางมาเยี่ยม สามี ที่แผนกศัลยกรรม ชั้น 7 โดยพบว่าที่ด้านหลังมีการสะพาย สะพายเป้และคลุมทับด้วยถุงผ้าสีน้ำเงิน แล้วเดินเข้าไปเยี่ยมสามีซึ่งนอนอยู่บริเวณเตียงคนไข้ หมายเลข 32
ต่อจากนั้น น.ช.ธนภัทร มายอด ภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า หลังจากใช้คีมตัดเหล็ก เดินลุกออกจากเตียงมาเข้าห้องน้ำ เวลา 01.43 น. ( 9 ธ.ค. ) โดยในมือ ยังถือโซ่กุญแจล็อกข้อเท้า และ มือซ้ายถือคีมตัดเหล็ก จากนั้นตัดมาอีกที่กล้องห้องด้านหลัง แผนกศัลยกรรม เวลา 01.44 น. น.ช.ธนภัทร มายอด ได้ประตู แล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ ลงมาชั้น 1 เวลา 01.47 น. แล้วเดินออกจากตึกอาคาร 10 หายตัวไปบริเวณ ป่าด้านหลังโรงพยาบาล
พันตำรวจเอกนาวิน สินธุรัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางละมุง เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการ์ณนี้เกิดขึ้นเมื่อ 02:00 น ได้รับแจ้งจากทางเรือนจำพิเศษพัทยาและโรงพยาบาลบางละมุงว่ามีผู้ต้องขังที่เข้ารับการรักษาทราบภายหลังว่าผู้ต้องหาผ่าตัดบริเวณอวัยวะเพศและรักษาตัวตั้งแต่วันที่ 6 ที่ผ่านมาจากนั้นเมื่อคืนวันที่ 9 ธันวาคมเวลาประมาณ 02:00 น ได้หลบหนีไปจากโรงพยาบาลบางละมุงหลังจากเกิดเหตุ ระดมตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนให้เร่งรัดติดตามจับกุมให้ได้เร็วมากที่สุดมีทั้งกองบังคับการสืบสวนภาค 2ตำรวจจังหวัดชลบุรีและสภ. บางละมุงไล่ติดตามตัวหากได้เบาะแสจุดใดการสอบสวนก็จะติดตามข้อมูลส่วนนี้ ส่วนการสอบสวนอยู่ระหว่างการเป็นความลับแต่ว่ามีเบาะแสแล้วระดับหนึ่งพยายามจะติดตั้งตัวให้ได้เร็วมากที่สุด
ส่วนลำดับเหตุการ์ณของผู้ต้องหานี้ถูกส่งรักษาตัวตั้งแต่วันที่6 ธันวาคมจนถึงเมื่อคืนนี้ที่หลบหนีไปส่วนประเด็นเรื่องภรรยาที่เข้าเยี่ยมแต่ยังไม่ขอเปิดเผยเนื่องจากขอให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีและวางแผนการศึกษาสอบสวนสำหรับระบบการเฝ้าผู้ต้องหาอยู่ที่โรงจำอยู่ที่โรงพยาบาลยังไม่ขอเปิดเผยส่วนเกี่ยวข้องตอนนี้ได้เชิญมาสอบสวนตอนนี้มีเบาะแสเพราะส่งทีมกระจายไปหลายทีนึงตามข้อมูลที่รับมา อยากสื่อสารถึงประชาชนว่าหากพบเห็นบุคคลผู้ต้องขังที่หลบหนีช่วยแจ้งเบาะแสไปที่ตำรวจสภ. บางละมุง
ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุตามจุดต่างๆ ของโรงพยาบาลบางละมุง ตั้งแต่ห้องพักฟื้นคนไข้ ตลอดจนเส้นทางต่างๆ ที่ คาดว่านักโทษใช้หลบหนี ก่อนเข้าตรวจค้นบริเวณบังกะโลรกร้าง ด้านหลังโรงพยาบาล ซึ่งมีชาวบ้านให้การว่าได้ยินเสียงสุนัขเห่าในเวลาใกล้เคียงตอนเกิดเหตุ
ทางด้าน นางเพ็ญ อายุ 65 ปี แม่บ้านของโรงพยาบาลบางละมุง ประจำแผนกศัลยกรรม เปิดเผยว่าเห็นเมียของนักโทษ มาเยี่ยมช่วงประมาณ 2 ทุ่ม โดยหิ้วถุงพลาสติกแบบถึบมา 1 ใบ แต่ก็ไม่มีใครได้ตรวจสอบ ขณะที่ตัวนักโทษมักจะเลื่อนผ้าปิดตลอดเวลา แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะมาเลื่อนเปิด แต่ตัวนักโทษก็อาศัยจังหวะเผลอปิดผ้ากั้น ส่วนในช่วงที่นักโทษตัดโซ่ตรวนนั้น ไม่มีใครได้ยินเพราะ ผู้ป่วยเตียงข้างๆนั้น เป็นอดีตนักโทษเช่นกัน และเป็นคนที่ให้หยิบยืมโทรศัพท์ในการนัดแนะเมียด้วย
ด้านผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางละมุง (ไม่มีเสียงพูดคุย) เปิดเผยว่าตัวนักโทษน่าจะหลบหนีไปได้ไม่ไกล เนื่องจากยังคงค้างสายต่อท่อปัสสาวะ ซึ่งในการถอดออกเองโดยผิดวิธี อาจจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ ซึ่งเชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามจับกุมตัวได้ไม่ยาก
นายอ๊อด อายุ 72 ปี เจ้าของร้านขายของชำในละแวกที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาน 02.00 น. ของคืนที่ผ่านมา สุนัข 2-3 ตัว ที่อยู่ในบริเวณร้านได้เห่าส่งเสียงดัง ซึ่งมักจะเห่าทุกครั้งที่มีคนเดินผ่าน เมื่อตนออกดูพบกว่า สุนัขมันเห่ากรรโชกเสียงดังจนผิดสังเกตุ และมองไปภายในซอย ซึ่งเป็นบังกะโลเก่า แต่ตนไม่เห็นคนหรือสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด จนกระทั่งทราบว่า มีนักโทษหลบหนีออกจากโรงพยาบาลดังกล่าว
ด้าน นางเพ็ญ อายุ 65 ปี แม่บ้านของโรงพยาบาลบางละมุง ประจำแผนกศัลยกรรม เปิดเผยว่าเห็นเมียของนักโทษ มาเยี่ยมช่วงประมาณ 2 ทุ่ม โดยหิ้วถุงพลาสติกแบบถึบมา 1 ใบ แต่ก็ไม่มีใครได้ตรวจสอบ ขณะที่ตัวนักโทษมักจะเลื่อนผ้าปิดตลอดเวลา แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะมาเลื่อนเปิด แต่ตัวนักโทษก็อาศัยจังหวะเผลอปิดผ้ากั้น ส่วนในช่วงที่นักโทษตัดกุญแจเท้านั้น ไม่มีใครได้ยินเพราะ ผู้ป่วยเตียงข้างนั้น เป็นอดีตนักโทษเช่นกัน และเป็นคนที่ให้หยิบยืมโทรศัพท์ในการนัดแนะเมียด้วย