นายสุทิวัส ดวงมหาชัย อายุ 20 ปี ร้องผู้สื่อข่าววอนรถยนต์คันใดที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ และมีกล้องหน้ารถจับภาพเหตุการณ์ได้ ช่วยนำภาพมาเป็นหลักฐานให้ทีหลังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา หลังรถ จยย.ของตนเองเฉี่ยวชนกับรถกระบะคู่กรณีจนคนนั่งซ้อนท้ายตนเองได้รับบาดเจ็บ ทั้งๆคนในที่เกิดเหตุยืนยันว่ากระบะเป็นฝ่ายเบี่ยงรถเข้ามาหาตนเอง ซึ่งทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยาบอกหลักฐานที่ตนเองมีหรือพยานบุคคลไม่เพียงพอ ให้ไปหาหลักฐานมาเพิ่มเติม
นายสุทิวัส เล่าว่า วันนั้นวันที่ 19 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 14.00 น. ผมรับผู้โดยสารมา พอมาถึงที่เกิดเหตุ ถนนเทพประสิทธิ์ หน้าปั้มน้ำมัน ปตท. รถกระบะคู่กรณีเบี่ยงมาจากเลนซ้ายมาเลนกลาง แล้วมาเฉี่ยวกระจกและด้านข้างรถ จยย.ของผม จนรถผมกระเด็นไปเลนขวาสุดล้มกลิ้ง ผู้โดยสารที่นั่งซ้อนท้ายผมมาได้รับบาดเจ็บหัวแตก และถลอกตามร่างกาย ซึ่งทางเจ้าของรถกระบะลงมากล่าวหาว่าผมชนเขาจนยางรถกระบะเขาแตก
นายสุทิวัส ยังเปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ทางพนักสอบสวน สภ.เมืองพัทยาไม่ชี้ชัดว่าใครผิด ซึ่งทางเจ้าของรถกระบะบิกเพียงผมผิดขับรถมาขนยางรถกระบะเขาแตก ทั้งๆที่คนบริเวณที่เกิดเหตุเห็นว่าผมขับรถ จยย.มาทางตรงเลนกลาง รถกระบะอยู่เลนซ้ายแล้วเบี่ยงมาเลนกลางกระทันหันมาเบียดรถ จยย.ผมล้ม ทางพนักงานสอบสวนยังตัดสินไม่ได้เลย ซึ่งผู้โดยสารที่นั่งซ้อนผมมาก็ยืนยัน แต่ทางพนักงานสอบสวน บอกเพียงว่าหลักฐานไม่พอให้ไปหาเพิ่มเติมมาอีก
นายสุทิวัส เลยต้องมาร้องผู้สื่อข่าวเป็นสื่อกลางตามหารถยนต์คันได้ที่มีกล้องหน้ารถ และผ่านช่วงเวลานั้นที่กล้องหน้ารถจับภาพได้ รบกวนนำภาพมาเป็นหลักฐานให้ผมที่ว่าผมก็วิ่งมาทางตรง กระบะคันดังกล่าวเบี่ยงออกมาเบียดผมจนล้มเอง
ส่วนกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ จับได้เพียงตอนรถ จยย.กระเด็ดล้มไปอยู่เลนซ้ายเท่านั้นเอง
ด้าน นางสาวอรนิภา จริตรัมย์ อายุ 20 ปี ผู้โดยสารวันนั้นยืนยันรถกระบะเบี่ยงออกมาชนเอง โดยเล่าว่า วันนั้นเป็นวันไหล หนูเลี่ยงรถติดเลยเรียกพี่เขา วันนั้นบริเวณจุดเกิดเหตุไม่มีการเล่นน้ำ พี่เขาก็ขับรถ จยย. มาตามปกติ จู่ๆกระบะก็เบี่ยงออกมาจนชน รถกระเด็นดไปพร้อมหนู หนูไม่รู้อะไรตอนนั้นเหมือนสลบ แต่ยืนยันได้ว่าพี่เขาขับรถมาทางตรงปกติ กระบะเบี่ยงออกมาจึงชน