หน้าแรก ข่าวอาชญากรรม แชร์คลิปดราม่ากู้ภัยปฏิเสธรับคนไข้อ้างไม่ปลอดภัยเพราะเจ้าของบ้านเลี้ยงหมาจรจัดไว้เต็มบ้าน

แชร์คลิปดราม่ากู้ภัยปฏิเสธรับคนไข้อ้างไม่ปลอดภัยเพราะเจ้าของบ้านเลี้ยงหมาจรจัดไว้เต็มบ้าน

173
0
แบ่งปัน

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ( 6 มิ.ย.67 ) มีผู้ใช้ Facebook ชื่อว่า ann vezalove ได้เข้าไปโพสต์ข้อความในกลุ่ม พัทยา เราต้องทำยังไง ใครช่วยได้บ้าง 1669ทิ้งเราไปแล้ว พี่ชายเราไม่สบาย ตอนนี้แย่มากขาขยับไม่ได้แล้ว เคลื่อนไหวเองไม่ได้ ขาขวาบวมใหญ่ผิดรูปไปหมด จากที่ขยับตัวเองนั่งรถเข็นไปมาได้ ตอนนี้คือไม่ได้เลยปวดไปหมด จะพาไปหาหมอยังไงได้ พี่ชายเราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้ว รพ.บางละมุง ก้ออยุ่ใกล้แค่นี้ บ้านเราอยู่ซอย13นาเกลือ ยังไม่มีปัญญาจะพาไปได้เลย เพราะพี่ชายเราคลื่นไหวตัวเองไม่ได้แล้ว 1669โทรไปตอนแรกไม่มาบอกเคสไม่ฉุกเฉิน เราเลยบอกว่าต้องรอให้ตายหรือหยุดหายใจเท่านั้นหรอถึงจะมาได้ เค้าก้อบอกว่า “ก็ประมานนั้น” คือไร เค้าเลยให้เบอพื้นที่ให้ติดต่อไปคุยเอง ก็โทคุย อ่าคราวนี้ก้อมา แต่มาถึง ก็เจอปันหาอีก ไม่กล้าเข้ามารับผู้ป่วยในบ้านชั้นสอง เพราะข้างล่างมีหมาจรที่แม่เราเลี้ยงไว้ แต่แม่เคลียพื้นที่ให้แล้ว พวกนั้นก้อไม่ไว้ใจเพราะกลัวมันกัดอีกอยุ่ดี หมาจรที่แม่เก็บมาเลี้ยงเพราะสงสารพวกมันไม่มีบ้าน แต่นี่หรอผลของการทำดี แต่ทำไมมาเป็นผลร้ายกับคนในบ้านล่ะ คนป่วยในบ้านกู้ภัยไม่สามารถเข้ามารับได้เพราะกลัวหมากัดอีก ไม่รุ้จะทำยังไงได้แล้วเหมือนกัน เราก็จนปันยา สรุปก็กลับไปกันหมด ทิ้งผู้ป่วยให้นอนรอความตายอยุ่บนห้อง เราคิดไม่ออกเลย จะเอายังไงต่อ …#โลกนี้ทำไมมันโหดร้ายกับพวกเรานัก 😔 พร้อมกับลงคลิปเหตุการณ์ ปะทะคารม ระหว่าง ญาติผู้ป่วย กับ ทีมกู้ชีพกู้ภัย ของมูลนิธิแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา

ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 12.00 น. ( 6 มิ.ย.67 ) ผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้ป่วยรายนี้ ซึ่งบ้านเป็นลักษณะ บ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ตั้งอยู่ภายในซอยนาเกลือ 13 หมู่ 2 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ห่างจาก รพ.บางละมุง ไม่ถึง 1 กม. โดยพบว่าภายในบ้านมีเสียงสุนัขเห่า ส่งเสียงดังลั่นออกมา ที่ประตูหน้าทางเข้าบ้าน มีแผ่นกระดาษขนาด เอ 4 ติดแปะไว้ที่แผ่นประตู ระบุข้อความว่า “หมาดุมาก ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต” ส่วนผู้ป่วย ที่เป็นกระแสดราม่า ยังนอนอยู่บริเวณห้องพักชั้น 2

นางสาวอุ้ม นามสมมุติ อายุ 55 ปี เป็นแม่ของผู้ป่วย และเป็นแม่ของผู้ที่โพสต์ข้อความลงใน Facebook เล่าให้ฟังว่า เมื่อเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกสาวได้กลับจากที่ทำงาน ได้เข้ามามาบ่นกับตนว่า ทำไมไม่ดูพี่ชาย ซึ่งนอนขยับตัวไม่ได้ อยู่บนบ้านชั้น 2 มาแล้วหลายวัน โดยลูกชาย ชื่อว่า นายอ็อด นามสมมุติ อายุ 32 ปี ป่วยเป็น โรคเกี่ยวกับเรื่องเลือด “โรคฮีโมฟีเลีย“ หรือ โรคเลือดออกง่าย จนขาทั้ง 2 ข้างใช้การไม่ได้ โดยปกติแล้ว ตนเองกับสามี ( ผู้เป็นพ่อ ) จะพาลูกชายไปหาหมอเอง แต่ครั้งนี้ คิดว่าอุ้มไม่ไหว จึงโทรศัพท์ไป 1669 แต่ถูกทางปลายสายปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่ใช่เคสฉุกเฉิน พร้อมทั้งให้เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเป็นเบอร์ ของมูลนิธิกู้ภัยแห่งหนึ่ง

พอโทรศัพท์ไปแจ้งเบอร์ดังกล่าว ไม่เกิน 10 นาที ก็มีรถพยาบาลมาจอดบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นรถพยาบาลของมูลนิธิกู้ภัย แห่งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับตนว่า ให้ช่วยเก็บหมา ที่อยู่ภายในบ้าน เพราะเจ้าหน้าที่ไม่กล้าเข้าไป เนื่องจากเกรงว่าไม่ปลอดภัย พอตนเองเก็บหมาเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็เดินเข้าไปในบ้าน สักพักก็เดินกลับออกมา พร้อมกับปฏิเสธไม่รับผู้ป่วย โดยใช้เหตุผลว่ายังมีสุนัขอยู่ใต้บันได และ เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จนเกิดเหตุการณ์ปะทะคารมระหว่างลูกสาวกับกู้ภัย ตามที่ปรากฏในคลิป จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็เดินทางกลับไปทันที

โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองเข้าใจ และ ไม่ได้โกรธทีมกู้ภัย เพราะเข้าใจเหตุผลว่าพื้นที่ไม่ปลอดภัย และเกรงว่าจะเกิดอันตรายในระหว่างการเคลื่อนย้าย ส่วนทางด้านลูกสาวที่นำคลิปโพสต์ ตนเองก็เข้าใจอารมณ์ลูกสาว ที่เป็นห่วงพี่ชาย เพราะอยากให้พี่ชาย ได้ไปหาหมอ ส่วนสุนัขที่เลี้ยงไว้ ยอมรับว่าเป็นสุนัขที่เก็บมาเลี้ยง มีทั้งหมด 21 ตัว

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ปรากฏในคลิป คือ นายวิวัฒน์ ชีวะโอสถ อายุ 42 ปี พร้อมกับเปิดใจว่า ในเหตุการณ์นี้ ตนเองพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากสถานที่ค่อนข้างที่จะไม่ปลอดภัย เพราะภายในบ้านมีสุนัขจรจัดหลายตัว จึงพยายามบอกให้เจ้าของบ้าน นำสุนัขเข้าไปไว้ในห้อง ก่อน ระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปภายในบ้าน แต่พอเดินเข้าไปในบ้าน ก็พบว่ามีสุนัขจำนวน 5 ตัวอยู่ใต้บันได ตอนนั้นตกใจมาก จึงถอยออกมา และ พยายามอธิบายให้ทางญาติๆ สถานที่ไม่ปลอดภัย รวมถึง สุนัขอาจทำอันตรายกับเจ้าหน้าที่ได้ แต่ปรากฏว่าทางญาติได้ ถ่ายคลิป และ เกิดการปะทะคารมดังกล่าว ลงในโซเชึ่ยล

โดยขอยืนยันว่า ตนเองและทีมงานปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เสมอ ซึ่งหลังเกิดเหตุเหตุการณ์ได้แจ้งกลับไปทางศูนย์สั่งการ ว่าไม่สามารถปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ได้ เนื่องจากสถานที่ไม่ปลอดภัย ก่อนจะได้รับคำสั่งให้ถอนกำลังกลับมายังฐานปฏิบัติ แต่ไม่คิดว่าทางญาติผู้ป่วย จะนำคลิปไปโพสต์ จึงอยากให้ทางญาติและประชาชนเข้าใจในการทำหน้าที่ของทีมกู้ชีพกู้ภัย เพราะไม่มีใครอยากปฏิเสธการช่วยเหลือ แต่เหตุการณ์ในครั้ง ประเมินสถานการณ์แล้ว ค่อนข้างมีความเสี่ยง จึงจำเป็นต้องยกเลิกภารกิจ …