หน้าแรก ข่าวประชาสัมพันธ์ กรมเจ้าท่า บูรณาการทุกภาคส่วน แก้ไขปัญหาในการขจัดคราบน้ำมันในทะเล อ่าวสัตหีบ จนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมตรึงกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง 3 วัน

กรมเจ้าท่า บูรณาการทุกภาคส่วน แก้ไขปัญหาในการขจัดคราบน้ำมันในทะเล อ่าวสัตหีบ จนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมตรึงกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง 3 วัน

65
0
แบ่งปัน

     นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปลอดภัย พร้อมด้วย นายภัควัต ขันธหิรัญ นายอำเภอสัตหีบ พล.ร.ต.วิฉนุ ถูปอ่าง ผู้อำนวยการ ศรชล.ภาค 1 นายเรวัตโพธิ์เรียงผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา และร่วมแถลงแนวทางป้องกันครบน้ำมันเข้าชายฝั่ง  หลังพบคราบน้ำมันลอยในทะเลสัตหีบ ห่างจากชายหาดบางเสร่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จังหวัดชลบุรี ประมาณ 4 ไมล์ทะเล ณ เทศบาลตำบลบางเสร่ สัตหีบ ชลบุรี ท่ามกลางสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ

   นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปลอดภัย  เปิดเผยถึงแนวทางการป้องกัน ว่า เจ้าท่า ได้มีการบูรณาการร่วมกับ ศรชล.ภาค 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ในการขจัดคราบน้ำมันในทะเลขึ้นมาชายหาดเรียบเสร็จ เหลือเพียงฟิมล์บ้าง ๆ โดยจะส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่ 3 วัน สำหรับเหตุการ์ที่เกิดขึ้นได้ประเมิณออกเป็น 2 ส่วน คือมีการลักลอบปล่อยน้ำมันลงทะเล และอีกส่วนคือเกิดจากการรั่วไหล ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งสร้างกลไกลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก

    ทั้งนี้มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค.67 เมื่อทัพเรือภาคที่ 1 บูรณาการร่วมกับ ศรชล.ภาค 1ในการขจัดคราบน้ำมันสีดำที่ลอยในทะเลบริเวณบางเสร่ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี โดยได้จัดเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบที่ 4 (ฮ.ลล.4)  ขึ้นบินสำรวจคราบน้ำมัน ร่วมกับ ร.ล.ตาชัย และ ร.ล.หลีเป๊ะ จากกองเรือยุทธการ ในการขจัดคราบน้ำมันในทะเล ซึ่งจากการประเมินไม่ใช่คราบน้ำมันดิบ ไม่ใช่น้ำมันเตา คล้ายกับน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ใช้แล้วปนเปื้นน้ำท้องเรือที่ถูกลักลอบปล่อยทิ้งจากเรือ และมีความลึกน้ำเป็นแนวน้ำตื้นไม่เหมาะสมกับการฉีดสารขจัดคราบน้ำมันและกางบูมกักน้ำมัน จึงได้ใช้วิธีฉีดน้ำทะเลแรงดันสูง และใช้ใบจักรเรือตี กวนน้ำ ให้คราบน้ำมันแตกตัวและละลาย ย่อยสลายตามธรรมชาติ และในช่วงเช้าวันนี้ ( 23 ส.ค.67) ได้จัดเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบที่ 1 บินตรวจสอบคราบน้ำมันในทะเล ตรวจพบคราบน้ำมันเป็นฟิล์มใสบาง ซึ่งลักษณะเช่นนี้ เมื่อถูกแสงแดดและคลื่นลมจะสลายไปโดยธรรมชาติ