เมื่อเวลา 06.06 น.วันที่ 29 ธันวาคม 2567 ร.ต.อ.วุฒิกรณ์ ปลอดโปร่ง รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุ ทะเลาะวิวาทมีผู้บาดเจ็บ เหตุเกิดริมถนนพัทยาสายสาม ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชา พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ให้ทราบ พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบMR.SEITA สัญญาติญี่ปุ่น ถูกอาวุธมีดแทงเข้ากลางหน้าอก ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนจมกองเลือด มีพลเมืองดีพยายามเรียกให้ได้สติ โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมกับปั้มหัวใจเพื่อยื้อชีวิต ก่อนเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ส่วนคู่กรณีทราบชื่อคือนายเดวิด ลูกครึ่งไทยอังกฤษ ได้รับบาดเจ็บปูดบวมที่ใบหน้าถลอกตามร่างกายเสื้อฉีกขาด อยู่ในอากาศมึนเมาสุราอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้ซึ่งเจ้าตัวยังไม่มีทีท่าสลด ยังคงยกมือโชว์สัญลักษณ์ ไอเลิฟยู ให้กับเจ้าหน้าที่ ในที่เกิดเหตุยังพบอาวุธมีดพกที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบถามนายแบงค์ (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี (เบลอหน้า) คนเห็นเหตุการณ์ ให้ข้อมูลว่าก่อนเกิดเหตุ สังเกตเห็นฝรั่งทะเลาะกับแฟนชาวต่างชาติ ทั้งตนเองและชาวญี่ปุ่นเข้าไปห้ามปราม จนทำให้ฝรั่งนั้นเข้าใจผิด จนเกิดไปมีปากเสียงแล้วชกหน้าชาวญี่ปุ่น ตนเองไล่ให้ทั้งสองฝ่ายให้แยกย้ายกันไป แต่ไม่นาน ชาวญี่ปุ่นได้วิ่งปรี่ เข้าต่อยหน้าฝรั่งคืน ทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นอีกครั้ง ทุกคนก็พยายามช่วยกันห้าม แต่ก็ไม่ทันฝรั่งได้ชักมีดแทงชาวญี่ปุ่น จนล้มลงต่อหน้าต่อตาทุกคน หลังเกิดเหตุจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบดังกล่าว
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเคลื่อนย้ายตัวผู้ก่อเหตุส่งโรงพยาบาลเนื่องจากได้รับบาดเจ็บไหล่ข้างซ้ายหลุด แต่เมื่อถึงที่โรงพยาบาลแฟนสาว และกลุ่มเพื่อนของชาวญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในอาการเสียใจโกรธแค้น เนื่องจากทางโรงพยาบาลได้แจ้งข่าวร้ายว่า ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้สิ้นใจลงแล้ว ก็พากันตะโกนด่าลั่นโรงพยาบาลและจะวิ่งเข้าไปหมายจะทำร้าย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจพาเคลื่อนย้ายไปได้ทันจึงไม่เกิดเหตุการณ์บานปลายขึ้น
เบื้องต้นร.ต.อ.อิทธิพร ตั้งชูทวีทรัพย์ รองสว.สอบสวนสภ.เมืองพัทยา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแส และหลักฐานเพื่อเอาผิดผู้ก่อเหตุตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป