แก๊งวัยรุ่น ยกพวกล็อคคอลากคนเร่ร่อนวัย 54 ปี เข้าซอกร้านสะดวกซื้อ รุมกระทืบยับ สลบเหมือดฟื้นโรงพยาบาล อาการปางตาย พลเมืองดีทนไม่ไหวโพสต์ลงเฟสบุ๊ค สมาชิกแห่ประนามผู้ก่อเหตุลุงวัย 54 ปี ยังผวาหวั่นโดนซ้ำ
เมื่อเวลา 02.30 น.วันที่ 8 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้พบน.ส.สมัย ฉิมมาชุ้ย อายุ 38 ปี ว่าพบลุงเร่ร่อนถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ตนเองได้ให้การช่วยเหลือไว้ ทราบชื่อคือนายคมสัน ปิ่นเกตุ อายุ 54 ปี ได้รับบาดเจ็บที่รอบดวงตาปูดบวม ดวงตาแดงกร่ำทั้งสองข้าง ใบหน้าเขียวช้ำ ที่ริมฝีปากปูดบวมห้อเลือด ตามลำตัวยังถลอกฟกช้ำทั่วร่างกาย เล่าให้ฟังว่า ตนเองเคยทำงานใรบริษัทย่านแหลมฉบัง แต่มาประสบปัญหาตกงาน จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ทำให้ไม่มีที่ไปจึงใช้ชีวิตตกอับอาศัยนอนริมทาง ใครใจดีก็ได้ข้าวได้น้ำประทังชีวิต โดยตอนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.ถึง 23.00 น.วันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 6 คน ขับขี่จยย.มาจอด แล้วปรี่เข้ามาล็อคคอแล้วลากตนเข้าไปในซอกตู้กดเงินข้างร้านสะดวกซื้อ ย่านพัทยาใต้ แล้วลงมือรุมทำร้ายทั้งเตะ ต่อย สารพัด จนสลบไป แล้วกลุ่มผู้ก่อเหตุได้รีบหลบหนีไปเพราะเห็นสัญญานไฟของรถเจ้าหน้าที่มาพอดี มิเช่นนั้นตนเองคงไม่รอด ส่วนตนเองมาฟื้นอีกทีก็นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่กลุ่มวัยรุ่นมาทำร้าย ว่าเพราะอะไร ได้แต่จำประโยคสุดท้ายที่กลุ่มวัยรุ่นคุยกันว่าคนนี้หรือเปล่า หลังเกิดเหตุลุงก็ยังรู้สึกหวาดกลัวว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะกลับมาทำร้ายอีก
ด้านน.ส.สมัย ฉิมมาชุ้ย อายุ 38 ปี เจ้าของร้านอาหาร ได้เปิดเผยว่าตนเองรู้สึกสงสาร ก่อนหน้านี้จะคอยนำข้าวและนำ้มาให้ลุงตลอด แล้วลุงก็จะมาช่วยล้างจาน ช่วยเก็บกวาดร้าน เพื่อตอบแทน แต่เมื่อคืนที่ผ่านมากลับไม่เห็นลุง จนกระทั่งเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาพบว่าลุงอยู่ในสภาพได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าบวมช้ำแทบจำไม่ได้ เมื่อสอบถามก็ได้ความว่าถูกวัยรุ่นทำร้ายมา ตนเองเห็นว่าฝนตก จึงช่วยเหลือให้ลุงมานอนพักรักษาตัวอยู่ภายในร้าน ส่วนทางด้านคดีทราบเพียงว่าลุงได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ยึดบัตรประชาชนไว้ และรอตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ
นอกจากนี้ยังมีคนนำรูปภาพที่ลุงโดนทำร้ายร่างกายไปโพสต์ลงบนเฟสบุ๊ค ทำให้มีสมาชิกเข้ามาคอมเม้นท์ แสดงความคิดเห็นสงสาร ให้กำลังใจ อยากเข้ามาช่วยเหลือ รวมไปถึงเข้ามารุมด่าประนามกลุ่มผู้ก่อเหตุด้วยถ่อยคำรุนแรงเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามในด้านของคดีนั้นทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใด ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นหากใครมีเบาะแสให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงได้ทันที เพื่อทำการจับกุมมาดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป