หน้าแรก ข่าวประชาสัมพันธ์ ร้านของชำพม่า ร้องสื่อ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็น ตร.ศปลป. รีดเงิน เหยื่อหลายราย

ร้านของชำพม่า ร้องสื่อ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็น ตร.ศปลป. รีดเงิน เหยื่อหลายราย

453
0
แบ่งปัน

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าของชำ ที่จำหน่ายสินค้าพม่า ในพื้นที่เมืองพัทยา หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปลป.ทำทีเข้าจับกุมสิ้นค้า ก่อนจะเรียกไกลเกลี่ยเป็นเงินหลักหมื่นบาท พร้อมขอเก็บรายเดือน เพื่อแลกกับการไม่เข้าจับกุม ซึ่งมีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อยอมจ่ายเงินไปหลายร้าน แต่ภายหลังได้เช็คแล้วว่าหน่วยงานดังกล่าวไม่เกี่ยวข้อง และไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ ประกอบกับมีผู้เสียหายหลายราย จึงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองพัทยาแล้ว


โดยนายมงคล เที่ยงแขม อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่าในวันที่เกิดเหตุนั้น มีผู้ชายลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาในชุดนอกเครื่องแบบ สังกัด ศปลป. เข้ามาตรวจสอบสินค้าในร้าน โดยอ้างว่าจะจับสินค้าไม่มี อย. เป็นสินค้าของใช้สำหรับคนพม่า คนไทยไม่สามารถขายได้ ซึ่งตนเองและแฟนก็ไม่รู้ว่าหน่อยงานนี้มีจริงหรือไม่ แต่ด้วยความตกใจประกอบกับ กลุ่มชายฉกรรจ์อ้างว่าจะจับดำเนินคดีต้องเสียค่าปรับ 2-3 แสนบาท ตนเองก็ไม่อยากมีปัญหาก็อยากเคลียให้จบ โดยตกลงกันที่ 20,000 บาท ซึ่งก็ยอมรับว่าสินค้าบ้างชิ้นอาจจะไม่มี อย. แต่ภายหลังเช็คแล้วว่า หากถูกจับจะเสียค่าปรับไม่กี่บาท จึงยอมจ่ายไป แต่กลุ่มที่อ้างเป็นตำรวจยังขอเก็บส่วยรายเดือน เดือนละ 1000 -2,000 บาท ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายหลายราย ซึ่งก็ได้เดินทางเข้าไปแจ้งความบ้างแล้ว


ด้านน.ส.อริสา หาญเชิงชัย อายุ 32 ปี ผู้เสียหายอีกรายเปิดเผยว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ ซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับรายแรก เข้ามาแสดงตัวเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด ศปลป. จะจับกุมเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าพม่า ที่ไม่มีฉลากภาษาไทย จะดำเนินคดีหนัก ตนเองกลัวและก็ไม่อยากเสียเวลา ทางกลุ่มชายฉกรรจ์ ได้เสนอให้ไกลเกลี่ย ในวงเงิน 20,000 บาท ตนเองก็พยายามต่อรองยังไงก็ไม่ยอม จึงต้องยอมจ่ายไป จนมาทราบที่หลังว่าไม่ได้มีโทษหนัก ทำให้ตนเองรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม


ขณะที่กล้องวงจรปิดของทางร้านบันทึกภาพกลุ่มชายฉกรรจ์ไว้ได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งโชว์สลิปการโอนเงินให้กุล่มชายฉกรรจ์ แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าเจ้าของบัญชีได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งทุกคนก็ยืนยันว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์พร้อมนำกล้องวงจรปิดมอบให้เจ้าหน้าที่เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังขอฝากหน่วยงานต้นสังกัดให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ปฏิบัติโดยมิชอบ ก็อยากให้ดำเนินการไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างด้วย