หน้าแรก Uncategorized เจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยาร้องขอความเป็นธรรมพร้อมนำคลิปชี้แจงกรณีเข้าช่วยเหลือชายชาวต่างชาติ แต่กลับถูกเพจเฟสบุ๊คหนึ่ง นำเรื่องราวไปเสนอในด้านลบพร้อมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทำเสื่อมเสียต่อองค์กร

เจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยาร้องขอความเป็นธรรมพร้อมนำคลิปชี้แจงกรณีเข้าช่วยเหลือชายชาวต่างชาติ แต่กลับถูกเพจเฟสบุ๊คหนึ่ง นำเรื่องราวไปเสนอในด้านลบพร้อมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทำเสื่อมเสียต่อองค์กร

130
0
แบ่งปัน

          จากกรณีมีเพจเฟสบุ๊คชื่อดัง ได้ลงภาพของเจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยาขณะปฎิบัติหน้าที่ โดยในเนื้อหาบรรยายข้อความว่า คณะของคนเก่งเมืองพัทยา แฮชแท็ก ทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว และ แฮชแท็ก ร่วมกัน ปล้นทรัพย์ชาวต่างชาติ โดยมีผู้ใช้ออนไลน์เข้ามาถูกใจและแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย

        เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายธนวัฒน์ ล้อมวงษ์ หนึ่งในเจ้าหน้าที่กิจการพิเศษที่เข้าไประงับเหตุและให้การช่วยเหลือชายชาวต่างชาติ คนดังกล่าวและได้ตกเป็นผู้เสียหายที่ถูกกล่าวหา ได้อธิบายถึงเรื่องราวในวันที่เกิดเหตุให้ผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นใน 12 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณตี 3 ครึ่ง เจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยาได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ จากพนักงานสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ภายในถนน walking street ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ มาแจ้งที่จุดรับแจ้งบริเวณท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ ขอกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบชาวต่างชาติ มีบาดแผล และมีเลือดบริเวณกางเกง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เบื้องต้นพบคราบเลือดบริเวณเป้ากางเกง แต่ตรวจสอบภายในตัวแล้วไม่พบบาดแผลใดๆ บุคคลดังกล่าวอยู่ในลักษณะพูดจาวกไปวนมา ไม่ใส่เสื้อผ้า  เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวออกมาที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย หลังจากนั้น ชาวต่างชาติคนดังกล่าว ก็เกิดอาการคุ้มคลั่งอีกครั้ง  จึงได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจว แต่ก็ไม่ได้มีสายตรวจของทางสภ.เมืองพัทยา ซึ่งเป็นเขตท้องที่มาที่ท่าเรือจึงได้ทำการปล่อยตัวไป แต่หลังจากนั่นชาวต่างชาติดังกล่าวกีบไปแจ้งถูกทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินบางส่วนหายไป ซึ่งทรัพย์สินต่างชาติดังกล่าว ไม่พบเงินอยู่ที่ตัวมีเพียง power bank 1 อัน โทรศัพท์มือถือ iPhone ไม่ทราบรุ่น 1 เครื่อง และกระเป๋าเป้สีดำ เท่านั้น

       นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้นำ หลักฐานสำคัญคือภาพวิดีโอวงจรปิดและภาพที่บันทึกไว้ ในวันที่เกิดเหตุ ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ มาให้ผู้สื่อข่าวดู ในคลิปวิดีโอดังกล่าวได้เห็นชายชาวต่างชาติ ลักษณะควบคุมสติไม่ได้ พูดจาเป็นภาษาของตัวเองลักษณะวกไปวนมา และถอดเสื้อผ้าจนล่อนจ้อน ในมือถือโทรศัพท์กำลังบันทึกภาพ จากนั้นก็ได้หยิบกางเกงที่มีคราบเลือดยื่นมาให้เจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเดินถอยห่างออก

         ซึ่งหลังจากนั้นมีสื่อออนไลน์ได้นำภาพเจ้าหน้าที่พร้อมโพสต์ลงโซเชี่ยล ทำให้ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นนายธนวัฒน์ ล้อมวงษ์ ได้ตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน พ.ต.ต.ทนงศักดิ์  อินผดุง สว.สอบ สภ.เมืองพัทยา เนื่องจากตกเป็นหนึ่งในบุคคลที่ปรากฏในภาพตามที่เพจดังกล่าวได้นำภาพ และข้อความ เอาไปนำเสนอบนสื่อโลกออนไลน์ทำให้เสื่อมเสียต่อองค์กรเจ้าหน้าที่ของเมืองพัทยา พร้อมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

      นายธนวัฒน์  ล้อมวงษ์  เจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานด้านหน่วยเคลื่อนที่เร็วเมืองพัทยา ได้เล่ารายละเอียดถึงวันดังกล่าว  หลังจากปฎิบัติหน้าที่อยู่ตรง วอกกิ้งสตรีทเสร็จ ช่วงประมาณตี 4 ทางทีมเทศกิจก็มารวมตัวกันที่บริเวณท่าเรือเพื่อจะมอบหมายหน้าที่ในการปฎิบัติงานในวันถัดไป เวลา ตี 5 ได้มีการ์ดร้านแจ้งว่ามีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นทางทีมเทศกิจ 4 คน ก็เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลักษณะคล้ายมึนเมา นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ถอดเสื้อผ้าออกหมดเลย บริเวณกางเกงมีเลือดออก เจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบเลือด ชาวต่างชาติก็ไม่ยินยอม ก็เลยนำตัวมาที่ท่าเรือเพื่อทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และหาสาเหตุที่เลือดออกมา ขณะที่รีบเข้าไปตรวจสอบไม่ได้นำกระเป๋ายาปฐมพยาบาลไปด้วย หลังจากนั้นก็นำตัวมาที่ท่าเรือเพื่อปฐมพยาบาล พอมาถึงท่าเรือนักท่องเที่ยวมีอาการคุ้มคลั่งและได้ทำการถอดเสื้อผ้าออกอีกรอบ ชาวต่างชาติอยู่ในอาการคุ้มคลั่งและได้หยิบโทรศัพท์มาถ่ายตามคลิปที่ปรากฎ หลังจากนั้นก็ได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ หลังจากนั้นชาวต่างชาติก็ได้เดินออกไปจากท่าเรือ หลังจากนั้นชาวต่างชาติก็เข้าแจ้งความตามที่เป็นข่าว หลังจากที่นักท่องเที่ยวแจ้งความทีมเทศกิจก็ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ที่นักท่องเที่ยวไปแจ้งความ ซึ่งทางทีมเทศกิจไม่ได้ทำแบบนั้น  ตนจึงอยากขอความเป็นธรรมหลังมีเพจนำภาพไปลง และข้อความที่ไม่เป็นความจริงที่ทางเพจนำไปแอบอ้าง จึงทำให้เกิดความเสียหาย ทำให้หน่วยงานสังกัดเมืองพัทยาได้รับความเสียหาย เนื่องจากช่วงการปฎิบัติหน้าที่ไม่คิดจะทำกรณีแบบนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่ทำงานมากรณีแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ภาพลักษณ์เมืองพัทยา และหน่วยงานที่สังกัดอยู่ได้รับความเสียหาย หลังจากนี้ก็จะดำเนินคดีเพจที่นำภาพ และข้อความเท็จไปลงในโซเชียล รวมไปถึงดำเนินคดีกับชาวต่างชาติที่ไปแจ้งความด้วย ตอนี้รู้สึกท้อมาก ซึ่งในการทำงานก็ทำงานอย่างเต็มที่ ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว แต่ผลที่ได้รับกลับมาไม่ได้อย่างที่หวังไว้ เพราะตนอยากช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวเมืองพัทยา