บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยชื่อดัง โร่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา หลังถูกฟ้องหมิ่นประมาทด้วยภาพ หวังแสดงความบริสุทธิ์ใจ เบื้องต้นนักมวยดังให้การปฏิเสธ
วันที่ 10 ธ.ค.63 จากกรณีที่ บัวขาว บัญชาเมฆ หรือ ร้อยตรีสมบัติ บัญชาเมฆ นักมวยไทยชื่อดัง โดนหมายเรียก โดย ร.ต.อ.สุพรรณ โสภี รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรนาจอมเทียน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ให้มารับทราบข้อกล่าวหา หลังนางแบบดังแจ้งความเอาผิดฐานหมิ่นประมาท หลังจากทีมงานนำภาพที่ บัวขาว ไปถ่ายแบบเป็นพรีเซ็นเตอร์ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งถ่ายคู่กับนางแบบที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ ไปเผยแพร่โปรโมทบนเพจเฟซบุ๊กชื่อ “บัญชาเมฆ”
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สภ.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี บัวขาว บัญชาเมฆ หรือ ร้อยตรีสมบัติ บัญชาเมฆ นักมวยไทยชื่อดัง พร้อมด้วย นายสันติวรรณ สังข์วรรณะ ทนายส่วนตัว เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวยี่ห้อ ปอเช่ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาและขอให้การปฏิเสธตามที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนไปก่อน โดยมี พ.ต.อ.ชัชรินทร์ญาณกร เฮงสุวรรณ์ ผกก.สภ.นาจอมเทียน และ ร.ต.อ.สุพรรณ โสภี รองสารวัตรสอบสวน สภ.นาจอมเทียน มาชี้แจงข้อกล่าวหา
ซึ่งในเรื่องดังกล่าว นายสันติวรรณ สังข์วรรณะ ทนายความส่วนตัว ชี้แจงว่า เพจเฟสบุ๊ค “บัญชาเมฆ” จัดขึ้นโดยทีมงาน เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของบัวขาวให้FC ได้รับทราบ คาดว่าการโพสต์ภาพดังกล่าวแอดมินเพจทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และในขณะนี้ได้มีการลบภาพออกจากโพสต์แล้ว ทั้งนี้ยังทราบอีกว่าตัวเจ้าของผลิตภัณฑ์เองก็ถูกแจ้งความว่าถูกหมิ่นประมาทด้วยภาพเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลังรับทราบข้อกล่าวหาจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ไปสู้คดี ส่วนผลของการสอบสวนแล้วแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีว่าจะดำเนินการส่งฟ้องหรือไม่ฟ้องก็ว่ากันไปตามตัวบทกฎหมาย
ด้านบัวขาว เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งนี้มาตามหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีเจตนาแอบแฝงแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามต้องขอโทษน้องนางแบบผู้เสียแทนแอดมินเพจและแฟนคลับด้วย ซึ่งในอนาคตจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก
มีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังเสร็จสิ้นการสอบสวน ซึ่งใช้เวลาร่วมชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ทำประวัติ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า “หมิ่นประมาท” ซึ่ง“นายบัวขาว” ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมเอกสารหลักฐานส่งพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินคดีตามข้อกฎหมายต่อไป