จากเหตุการ์ณการสู้รบที่ประเทศอิสราเอลทำให้มีแรงงานไทยที่ไปใช้แรงงานด้านเกษตรกรรมในประเทศอิสราเอล โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงที่อยู่ทางใต้ ต้องขอลี้ภัยกลับประเทศ โดยหนึ่งในนั้นคือ นายวีระยุทธ ปัญญาประชุม อายุ 35 ปี ซึ่งมีบ้านพักในจังหวัดชลบุรี ได้เดินทางไปทำงานด้านเกษตรกรรม อยู่ในพื้นที่สีแดงของประเทศอิสราเอล ซึ่งเห็นเพื่อนร่วมงานโดยระเบิดต่อหน้าต่อตาขณะทำงานอยู่
นายวีระยุทธ แรงงานไทยที่ไปทำงานพื้นที่สีแดงประเทศอิสราเอลเล่าว่า ตนได้ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล 1 ปีแล้วเพราะเงินเดือนที่นั้นสูงกว่าไทยมากกว่าครึ่งหนึ่งจึงอยากลองไปทำงานดู มีค่าใช้จ่ายในเรื่องการทำเอกสารการเดินทางประมาณ 1 แสนห้าหมื่นบาท ซึ่งประเทศอิสราเอลต้องการแรงงานไทยอย่างมาก น่าจะมากกว่าที่รัฐบาลมีข้อมูล อย่างไซค์งานผมมีประมาณ 60 คน ซึ่งตั้งแต่ไปทำงานมาก็พบว่ามีการยิงกันไปมาตามปรกติตอนแรกๆก็กลัวตอนหลังก็ชินมองเป็นเรื่องปรกติจนช่วงหลังเริ่มหนักมีทั้งภาคพื้นดิน ขีปนาวุธ สวนของตนที่ทำงานก็โดนยิงทำให้มีคนเจ็บต่อหน้า จึงตัดสินใจกลับประเทศเพราะว่ามันน่ากลัว อยู่ก็ไม่ได้ ไม่ได้กินได้นอน ต้องคอยหลบในป่าตลอด
นายวีระยุทธ กล่าวอีกว่าหลังจากกลับมาก็ต้องพบปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งผ่อนบ้าน ส่งลูกเรียนหนังสือ ส่งพ่อแม่ ซึ่งแต่ละเดือนค่าใช้จ่ายเยอะมาก ซึ่งแต่ละเดือนต้องใช้มากกว่า 2 หมื่นขึ้น ซึ่งตนไปพยายามใช้หนี้ทุกวันนี้ยังใช้หนี้ไม่หมดทั้งเงินกู้ ซึ่งได้กู้อาไป ตอนแรกก่อนตัดสินใจกลับ อาก็บอกกลับมาก่อนเดียวค่อยว่ากันก็เลยตัดสินใจกลับ ส่วนบ้านก็ยังผ่อนธนาคารอยู่ ซึ่งว่าจะไปติดต่อธนาคารที่ผ่อนบ้านว่าจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ส่วนตอนนี้ทางกระทรวงแรงงานนั้นได้พูดคุยแต่ยังไม่แน่ชัดเรื่องงานว่าจะทำงานอะไรว่าต้องการทำงานไทยหรือประเทศอะไร ซึ่งมีหลายประเทศที่เปิดอยู่ให้เราประสานงานไปว่าอยากไปทำงานที่ไหนจะได้ทำการช่วยประสานงาน
ตอนนี้แรงงานไทยที่กลับมาทุกคนก็ต้องมีปัญหาในเรื่องภาระหนี้สิน ก็อยากให้รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ เพราะคนที่ไปบางคนก็มีนายจ้างดี บางคนก็มีนายจ้างไม่ดีก็ยังไม่ได้เงิน ตอนนี้รู้ว่าคนไทยหลายคนอยากกลับบ้านแต่เที่ยวบินกลับได้แค่วันละ 100 กว่าคน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อคนไทยที่อยากกลับบ้าน