วันนี้ ( 24 ม.ค. 67 ) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงพยาบาลสัตว์เนินพลับหวาน ตั้งอยู่ภายในซอยเนินพลับหวาน ม.5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังทราบว่าชาวต่างชาติชาวศรีลังกาเคยพาสิงโตในข่าวมารักษาอาการไตวายเฉียบพลันตอนอายุ 4 เดือน โดยพบกับ น.สพ.เผด็จ ศิริดำรง ผอ.โรงพยาบาลสัตว์เนินพลับหวาน พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว และให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำสิงโตมาเลี้ยง
น.สพ.เผด็จ ศิริดำรง เปิดเผยว่า ในกลุ่มประเภทสัตว์ที่ดุร้ายถึงแม้จะถูกเลี้ยงมาให้เชื่องก็ตาม แต่ก็ต้องมีมาตรการรองรับเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์ บางวันเขาอาจจะเชื่อง บางวันเขาอาจจะมีอารมณ์แปรปวนดุร้าย โดยที่ผ่านมาสัตว์จำพวกนี้ต้องเลี้ยงตามสวนสัตว์ แต่ตอนเขาเข้าอนุสัญญาไตเตสกรมอุทยานจึงทำการผ่อนผันได้ แต่ต้องตามกฏระเบียบที่วางไว้รวมถึงความปลอดภัยทั้งสถานที่เลี้ยงดู ซึ่งคนที่จะเลี้ยงสัตว์ประภเทนี้ได้ต้องมีความรู้ ความเข้าใจพฤติกรรมในตัวสัตว์ ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย เพราะการนำขึ้นรถแล้ววิ่งไปตามแหล่งชุมชน หากมันกระโดดลงมาแล้วไปกัดคนอื่นก็จะทำให้เดือดร้อนเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีก
น.สพ.เผด็จ ศิริดำรง ยังเปิดเผยอีกว่า สำหรับเจ้าของตัวสิงโตยังเป็นมือใหม่ ตอนที่พามารักษาเขาเลี้ยงดูด้วยน้ำยาฆ่าเชื่อโดยทำความสะอาดตามร่างกาย สิงโตเป็นสัตว์ที่ชอบเลียขนตัวเอง ตอนที่พามานั้นมีอาการซึมไม่สบายผิดปกติ พอเราตรวจเช็คปรากฏว่าเป็นไตวายเฉียบพลัน ประมาณเดือนตุลาคม ตอนนั้นอายุประมาณ 4 เดือน ก็มารักษาประมาณ 10 กว่าครั้ง ทั้งให้น้ำเกลือ จนถึงประมาณเดือนธันวาคมก็หายเป็นปกติ ปัจจุบันน่าจะประมาณ 7-8 เดือน
น.สพ.เผด็จ ศิริดำรง ยังเปิดเผยอีกว่า สิงโตตัวดังกล่าวจะเป็นสิงโตเลี้ยงหรือสิงโตป่า ซึ่งสิงโตตัวนี้เป็นสิงโตเลี้ยงหรือสิงโตฟาร์มที่ผ่านการเลี้ยงมาตั้งแต่สมัยปู่ย่า ตลอดจนถึงพ่อแม่ และมาถึงตัวมัน ซึ่งการเลี้ยงมาแบบนี้จะทำให้สัญชาติญาณของสัตว์ป่าจะลดลง
ซึ่งการเลี้ยงสัตว์ประเภทนี้ อันดับ 1 ต้องทำตามกฎหมาย จากนั้นต้องมีความรู้เลี้ยงสัตว์นั้นๆเป็นอย่างดี การเลี้ยงต้องเลี้ยงแบบของมัน เพราะมันเป็นสัตว์ป่า ซึ่งเข้าใจเจ้าของเพราะมีความรักในตัวสัตว์ดังกล่าว