หน้าแรก ข่าวประชาสัมพันธ์ ตร.บางละมุงบุกรวบหัวหน้าแก๊งลักรถมอไซค์ หมายจับติดตัวอื้อ เผ่นป่าราบชนสังกะสีเลือดอาบ สิ้นท่าหิ้วเข้าซังเต

ตร.บางละมุงบุกรวบหัวหน้าแก๊งลักรถมอไซค์ หมายจับติดตัวอื้อ เผ่นป่าราบชนสังกะสีเลือดอาบ สิ้นท่าหิ้วเข้าซังเต

129
0
แบ่งปัน

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567พ.ต.ท.สุชาติ ดุสดี สวป.สภ.บางละมุง และ ร.ต.ต.ธงธวัช พลละคร หัวหน้าชุด ป.พิเศษ สภ.บางละมุง ภายใต้อำนวยการของ พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผกก.สภ.บางละมุง และ พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ ลัทธปรีชา รอง ผกก.ป.สภ.บางละมุง สามารถจับกุมตัวนายกฤษกร แก้วศรีคราม หรือดรีม อายุ 22 ปี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดระยอง ในข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม จำนวน 4 หมายจับ ได้ที่บ้านเช่าภายในซอยวัดประชุมคงคา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี


สืบเนื่องจากในเขตพื้นที่อำเภอบางละมุง มีรถจักรยานยนต์ของประชาชน ถูกแก๊งโจรกรรมก่อเหตุสร้างความเดือดร้อน ไปเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่สภ.บางละมุง ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ออกหาเบาะแส ไล่ล่าตัวคนร้าย รวมถึงวางกำลังป้องกัน ดูแลความปลอดภัยให้ชาวบ้าน จนกระทั่งได้เบาะแสของคนร้าย คือนายกฤษกร แก้วศรีคราม ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ ที่เจ้าหน้าตำรวจ สภ.ปลวกแดง ต้องการตัว หลังรวมกันกับเพื่อนไปก่อเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่จังหวัดระยอง


โดยหลังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้เบาะแสของคนร้ายซึ่งก่อเหตุมาอย่างโชกโชน จนถูกออกหมายจับถึง 4 หมาย หลบหนีเข้ามากบดานในพื้นที่ สภ.บางละมุง เกรงว่าจะเข้ามาก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ จึงนำกำลังไปซุ่มรออยู่ใกล้ที่พักของผู้ต้องหา แต่จังหวะที่ผู้ต้องหาสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็รีบวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต จนศีรษะไปกระแทกเข้ากับสังกะสีชายคาเข้า ทำให้ศีรษะแตกเลือดไหลอาบ สิ้นท่าถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวไว้ได้อย่างง่ายดาย
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ มาปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำยังสภ.บางละมุง โดยนายกฤษกร แก้วศรีคราม หรือดรีม อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ให้การรับสารภาพว่าตนเองเป็นบุคคลตามหมายจับนี้ และได้ร่วมกับเพื่อนก่อเหตุ โจรกรรมรถจยย.ในพื้นที่สภ.ปลวกแดงจริง ซึ่งตนเองยอมรับว่าเป็นหัวหน้าแก๊ง มีเพื่อนรวมขบวนการเป็นคนก่อเหตุ ส่วนตนเองทำหน้าที่ขี่หลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุเท่านั้น


ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกันกับเพื่อนก่อเหตุไปแล้วกว่า 10 คัน โดยจะอาศัยช่วงเวลากลางคืน ออกตะเวนหารถที่เป็นเป้าหมาย อย่างน้อยคืนละ 2-3 คัน หลังได้รถแล้วก็จะนำไปขายทอดตลาด เมื่อได้เงินมาก็จะนำมาแบ่งกันใช้เที่ยวเตร่ และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ก็ไม่รอด ถูกเวรกรรมตามทัน เพื่อนๆถูกจับกุมตัวดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว กระทั่งถึฃคิวของตนเอง ที่วิ่งหลบหนีจนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่พ้นมือเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ดี