จากกรณีเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว” ได้โพสต์รูป และมีคำบรรยายาย “ตามหานางพญาจิ้งจอก สาวไทยร้อยเล่ห์ที่ฉกบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยวชาวจีนตอนหลับแล้วแอบนำบัตรไปรูดซื้อทอง ก่อนรีบเอาบัตรมาใส่คืนไว้ในกระเป๋าแล้วรีบซิ่งหนี จากนั้นผู้เสียหายตื่นมาเห็นข้อความแจ้งเตือน จึงรีบไปลงบันทึกประวันไว้ที่ สภ.บางละมุง เพื่อให้ช่วยตามหาตัวสาวไทยสุดแสบรายนี้” จนมีคนเข้าไปคอมเมนต์ และแชร์จำนวนมาก
ล่าสุดวันนี้ ( 17 มี.ค. 67 ) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องที่ร้านทองดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยเขาตาโล โดยเจ้าของร้านไม่ได้ให้สัภาษณ์ แต่มีการพูดคุยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวในวันนี้ว่า มีผู้หญิงเข้ามาซื้อทองตามวงจรปิด โดยใช้บัตรเครดิตมารูดซื้อทองแต่วงเงินในบัตรสามารถซื้อได้แค่ 1 สลึง ทางผู้หญิงก็ได้กลับเอาบัตรอีก 1 ใบ มารูดสร้อยคอทองคำไปอีก 1 เส้น รวมเป็น 2 เส้น ซึ่งพฤติกรรมของผู้หญิงก็ปกติพูดคุยไม่มีพิรุธ
โดยผู้สื่อข่าวสอบถามว่าทำไหมบัตรเป็นของผู้ชาย แล้วทำไหมถึงผู้หญิงเซ็นได้ ทางเจ้าของร้านก็บอกว่าบัตรเป็นแบบวีซ่า ที่ด้านหลังบัตรไม่มีลายเซ็นกำกับ และยังเปรียบเทียบว่าบัตรของเจ้าของร้านก็สามารถให้น้องไปรูดซื้อของได้เช่นกัน
ส่วนทางด้าน สภ.บางละมุง ร.ต.อ.ศรสุพรรณ อดทนศรีอนันต์ รอง สว.สอบสวน เปิดเผยว่าในวันเกิดเหตุวันที่ 13 มี.ค. เวลา ประมาณ 12.00 น. มีนาย Mu Dihui Wu Dihui อายุ 33 ปี สัญชาติจีน มาแจ้งความที่ สภ.บางละมุง ว่ามีสาวไทยไม่ทราบชื่อและนามสกุล ซึ่งรู้จักผ่านแอปโดยรู้จักที่ กทม. ได้ประมาณ 6-7 วัน ก่อนผู้หญิงชักชวนให้มาท่องเที่ยวที่เมืองพัทยา โดยพักภายในซฮยเขาตาโล ซึ่งระหว่างนอนพักในห้องพักได้มี SMS เข้ามาในมือถือแจ้งว่ามีเงินสดจำนวน 32,815 บาท ถูกใช้ในการซื้อสร้อยคอทองคำ 2 ครั้ง ส่วนตัวผู้หญิงสาวได้หายไป จึงได้มาแจ้งความลงบันทึก เพื่อป้องกันไม่ให้หญิงสาวคนดังกล่าวนำบัตรไปทำความเสียหายอีก
ร.ต.อ.ศรสุพรรณ อดทนศรีอนันต์ รอง สว.สอบสวน ยังเปิดเผยว่า ในวันนั้นการสื่อสารระหว่าง นาย Mu Dihui Wu Dihui กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รู้เรื่องเพราะพูดผ่านทางแอปมือถือ จึงได้นัดให้มาอีกครั้งพร้อมล่ามชาวจีน แต่ผู้เสียหายก็ไม่ได้มาอีกตามนัด