ทายาทแฟร์เท็กซ์ เปรม บุษราคัมวงษ์ เปิดแถลงข่าวเตือนภัยแก๊งจีนหลอกเช่าพักโรงแรมหรูนานกว่า 7 ปี สุดท้ายเบี้ยวไม่จ่ายค่าเช่าหลังโควิด หนีหายเข้ากลีบเมฆ
เมื่อวันที่ 3 ก.ย.63 ที่แฟร์เท็กซ์ สปอร์ตคลับ แอนด์โฮเต็ล ถ.พัทยาเหนือ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายเปรม บุษราคัมวงษ์ ผู้บริหาร แฟร์เท็กซ์ สปอร์ตคลับ แอนด์โฮเต็ล เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ด้วยอยากเป็นสื่อกลางในการเตือนภัยไปยังนักธุรกิจและผู้ประกอบการท่องเที่ยวๆต่าง ที่กำลังคิดจะลงทุนกับนักธุรกิจชาวจีนโดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมที่เข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทย
โดยพฤติกรรมของนักธุรกิจเหล่านี้จะไปตระเวนไปขอเช่าโรงแรมในแหล่งที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว เช่น สมุย เชียงใหม่ และเมืองพัทยา โดยโรงแรมแฟร์เท็กซ์ เป็นหนึ่งในเป้าหมายของนักธุรกิจชาวจีนกลุ่มนี้ เนื่องจากโรงแรมตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ซึ่งเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาหลายๆโรงแรมแรมส่วนใหญ่ได้รับรู้มาบ้างแล้วว่ามีกลุ่มนักธุรกิจชาวจีนเข้ามาเพื่อติดต่อขอเช่าโรงแรมในเขตพื้นที่พัทยา โดยจะเข้ามาทำการเปิดบริษัท และจดทะเบียนในไทย โดยมีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้น และเป็นกรรมการ เพื่อมาติดต่อขอเช่าและขอทำสัญญาระยะยาว ซึ่งพอมีปัญหาเรื่องไม่จ่ายค่าเช่า ทั้งกรรมการ และผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทย ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย ติดต่อไปทีไร ก็บอกว่า ถามคนจีนให้แล้วเค้าไม่ตอบอะไรกลับมาเลย
นายเปรม กล่าวต่อไปว่าทางโรงแรมได้รับการติดต่อว่าจะทำสัญญาให้เช่าโรงแรมบางส่วนกับกลุ่มทุนชาวจีนนี้ ซึ่งมีคนไทยถือหุ้นกว่า 51 % จึงได้ทำการตรวจสอบจนทราบว่าเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในต่าง ประเทศ และมีสำนักงานตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ และที่กรุงเทพ โดยทำสัญญากับทางโรงแรมในระยะ เวลาให้เช่า 7 ปี 7 เดือน เป็นโรงแรงขนาด 3 ชั้น 54 ห้อง ซึ่งเริ่มเดินสัญญาตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 ในอัตราค่าเช่า 1 ล้านบาท/เดือน โดยไม่ได้เรียกเก็บค่ามัดจำแต่อย่างใด เพราะเห็นว่าน่าเชื่อถือและที่ผ่านมาตลอดระยะเช่า 2 ปี ทางบริษัทผู้เช่าก็จ่ายค่าเช่าตรงมาตลอดไม่เคยผิดนัด แต่อยู่ๆหลังสถานการณ์ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายไป ทางผู้เช่าก็เข้ามาเจรจาต่อรองอัตราค่าเช่าใหม่ ซึ่งทางโรงแรมก็เห็นว่าได้รับผลกระทบจริงจึงปรับลดราคาให้ แต่แล้วอยู่ๆตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทางผู้เช่าก็เงียบหายไปพร้อมสั่งให้พนักงานหยุดงาน และปิดโรงแรมในส่วนที่ให้เช่าทั้งหมด โดยไม่มีการบอกกล่าวใดๆกับทางผู้ให้เช่าเลย ซึ่งแม้จะพยายามติดต่อประสานงานไป ทั้งส่งจดหมาย วีแชท คุยไลน์ อีเมล และโทรคุย เพื่อที่จะถามเหตุผลที่สั่งปิดโรงแรม และไม่จ่ายค่าเช่า ก็ไม่ได้รับการชี้แจงใดๆ เลย สุดท้ายจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปพบที่สำนักงานของผู้เช่าที่กรุงเทพ ก็ได้รับการปฏิเสธและแจ้งว่าจะประสานกลุ่มทุนชาวจีนให้ แต่ก็สุดท้ายก็ยังเพิกเฉยจนถึงปัจจุบันทำให้ทางผู้ให้เช่าเดือดร้อน จึงได้ไปแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองพัทยา เพราะทางโรงแรมได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะสภาพของอาคารที่ชำรุดเป็นอย่างมากจนต้องหางบประมาณมาซ่อมบำรุงทั้งหมด
นายเปรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มทุนนี้ทราบว่าไปขอเช่าโรงแรมเป็นจำนวนมากตามพื้นที่ท่องเที่ยวต่างๆและหลายรายก็ประสพปัญหาคล้ายกัน อย่างไรก็ตามปัจจุบันทางผู้เช่าได้ผิดสัญญาและไม่ชำระค่าปรับธรรมเนียมมาแล้ว 3 เดือน ซึ่งก็ไม่ทราบแน่ว่าทางผู้เช่าจะทำอย่างไรเนื่องจากไม่สามารถติดต่อได้ แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็คงจะต้องปรึกษาทนายก่อน เพราะทราบว่าทางผู้เช่ายังคงจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานตามปกติ เพียงแต่ไม่ยอมชำระค่าเช่าให้กับทางโรงแรม
อย่างไรก็ตามทั้งนี้ ทางโรงแรมอยากฝากเตือนไปถึงโรงแรมและผู้ประกอบการท่อง เที่ยวต่างๆว่าให้ทำการตรวจสอบและเพิ่มความรอบในการทำสัญญาเช่ากับกลุ่มทุนต่างประเทศ เพื่อลดปัญหาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเหมือนที่โรงแรมประสพอยู่…