นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำ ถนนเลียบทางรถไฟ ฝั่งตะวันออกระยะที่ 1 การสร้างสถานีสูบน้ำขนาดใหญ่และวางท่อระบายน้ำขนาด 2 เมตร เพื่อแก้ปัญหาจุดที่น้ำท่วมขังเขตชุมชนเมืองพัทยาได้รวดเร็ว จากนั้นไปตรวจความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่ลานโพธิ์-นาเกลือ ซึ่งมีการก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์แห่งใหม่ 5 ชั้น รองรับ 239 คัน พร้อมสวนดาดฟ้าชมวิวอ่าวนาเกลือ และอนาคตยังมีการปรับปรุงตลาดขายอาหารทะเลเพื่อชุมชน ก่อนการแถลง “ผลงาน 3 ปี และอนาคตเมืองพัทยา”
ทั้งนี้นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวในการแถลงผลงาน 3 ปี ว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2561 ได้ขับเคลื่อนภารกิจสำคัญคือเรื่องเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพ สนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชน ภายใต้วิสัยทัศน์ “นีโอพัทยา” ซึ่ง แนวทางดังกล่าวจะยกระดับพัทยาให้เป็นเมืองน่าอยู่และเมืองแห่งโอกาสสำหรับทุกคน โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 มีการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขอย่างเป็นระบบ ช่วยให้พัทยาผ่านพ้นวิกฤต มีการรักษาผู้ป่วยและฉีดวัคซีนเชิงรุก ดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบางอย่างทั่วถึง ขณะเดียวกันผู้ประกอบการพัทยาก็มีรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวก้าวสู่มิติใหม่ในฐานะ “เมืองต้นแบบ” และเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจภาคตะวันออก
“การบริหารเมืองพัทยาตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เป็นโจทย์ท้าทายที่ต้องอาศัยประสบการณ์และการบริหารจัดการแบบมืออาชีพสู่เป้าหมายความสำเร็จตาม ยุทธศาสตร์ นีโอพัทยา นีโอนาเกลือ และนีโอเกาะล้าน สร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เชื่อมต่อการทำงานกับผู้นำท้องถิ่นอื่น ๆ จนได้รับยกย่องว่าเป็นเมืองต้นแบบที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ” ส่วนผลงานสำคัญในช่วง 3 ปี แบ่งเป็น 5 ด้าน ประกอบด้วย
1. ด้านการแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 แม้ว่าเมืองพัทยาจะมีบทบาทจำกัดในฐานะองค์กรท้องถิ่น แต่ก็สร้างความปลอดภัย อุ่นใจ ให้ประชาชน ชุมชน และนักท่องเที่ยว จนเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว Blue Zone รองรับการเปิดประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 ภายใต้มาตรการเชิงรุกตรวจหาผู้ติดเชื้อ คัดกรองผู้ป่วยและการเยียวยารักษาอย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดตั้ง Hospitel 800 เตียง รองรับผุ้ติดเชื้อโควิด-19 ช่วยเหลือแรงงานภาคบริการที่ตกงาน จัดสรรงบประมาณซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มและบริการทั่วถึง ฉีดไฟเซอร์สำหรับเด็กเยาวชน 5,000 คน การจ่ายเงินเยียวยา 2 ครั้ง ๆ ละ 1,000 และ 2,000 บาทต่อครอบครัว โครงการ “หมอถึงบ้าน” ฉีดวัคซีนกับกลุ่มเปราะบางถึงที่บ้าน เป็นต้น
2. ด้านการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในภาวะวิกฤต โดยเมืองพัทยาได้การปรับปรุงภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั้งชายหาดและวอล์คกิ้งสตรีท ถนนคนเดินพัทยาใต้ ชายหาดจอมเทียน การพัฒนาเกาะล้านสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แลนด์มาร์คใหม่ดึงดูดการท่องเที่ยว “เศรษฐกิจเมืองพัทยากำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง เราจัดอีเวนต์ท่องเที่ยวทุก ๆ เดือน อาทิ พัทยา มิวสิค เฟสติวัล เทศกาลพลุเมืองพัทยา 2564 งานเทศกาลปีใหม่ 2565 มีเงินสะพัดนับพันล้านบาท
3. ด้านการแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองพัทยาแบบครบวงจร ขับเคลื่อนการลงทุนแบบบูรณาการ ลดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่รวดเร็วภายในไม่เกิน 1 ชั่วโมง โดยเฉพาะจุดวิกฤตน้ำท่วมซ้ำซากหรือชุมชนพื้นที่ลุ่มต่ำ พร้อมกับการปรับปรุงระบบระบายน้ำสายหลักและสายรอง ก่อสร้างท่อส่งแรงดันน้ำ ขยายท่อระบายน้ำให้ใหญ่ขึ้น สร้างสถานีสูบน้ำ การขยายพื้นที่รับน้ำเพิ่มเติม เพื่อผันน้ำออก และโครงการวางท่อระบายน้ำฝั่งตะวันออกของทางรถไฟจะแล้วเสร็จปี 2566 รวมถึงการรื้อถอนอาคารผู้ฝ่าฝืนรุกล้ำที่สาธารณะ บังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 อย่างเด็ดขาด
4. ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต และสุขภาพประชาชน เมืองพัทยามีโครงการปรับภูมิทัศน์ชายหาดเมืองพัทยาระยะทาง 2.7 กิโลเมตร ร่วมกับ เครือข่ายภาคประชาสังคมและกลุ่มต่าง ๆ ด้านการสาธารณสุขได้ปรับปรุงโรงพยาบาลเมืองพัทยา รองรับผู้ป่วยอย่างมีคุณภาพ อาทิ ศูนย์จักษุ ศูนย์โรคกระดูกและข้อ ศูนย์โรคไต ฯลฯ การพัฒนาศูนย์แพทย์ชุมชน และยกระดับโรงเรียนพัทยา 11 (สาธิตเมืองพัทยา) สร้างคนรุ่นใหม่และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เพิ่มพื้นที่สาธารณะสำหรับออกกำลังกายและพื้นที่สีเขียวเพื่อการพักผ่อน เป็นต้น
และ 5. ด้านโครงสร้างพื้นฐานรองรับ อีอีซี ได้จัดทำแผนแม่บทดิจิทัลพัทยาระยะ 5 ปี รองรับวิถีชีวิตยุคใหม่ เน้นความเป็นสมาร์ทซิตี้ นำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการเมืองพัทยาเป็นดิจิทัลออฟฟิศให้ประชาชนเข้าถึงบริการสะดวกรวดเร็ว มีช่องทาง LINE@ PATTAYA CONNECT สื่อสารผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค การพัฒนาเครือข่าย 5G การเชื่อมต่อข้อมูลจราจรและกล้องวงจรปิดตามเวลาจริง (Real time CCTV) ลดปัญหาจราจร เพิ่มความปลอดภัย นอกจากนั้น เริ่มทดลองนำรถยนต์ไฟฟ้าทดลองวิ่งที่เกาะล้าน เพื่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมสู่การเป็น Green City ปี 2565 และร่วมกับภาคเอกชนพัฒนาระบบ EV เป็นต้น
นายสนธยา กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการและต้องสานต่อเพื่ออนาคต ได้แก่ โครงการพัฒนาพื้นที่ “ลานโพธิ์-นาเกลือ” สู่ตลาดอาหารทะเลระดับโลกเป็นแลนด์มาร์คใหม่ ได้รับงบประมาณและเริ่มก่อสร้างอาคารจอดรถ รองรับได้ 239 คัน และจะปรับปรุงตลาดขายอาหารทะเลสดและของฝาก เปิดโอกาสให้วิสาหกิจชุมชนเมืองพัทยามาร่วมสร้างรายได้ การปรับปรุงสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ สนามเด็กเล่น สะพานและจุดชมทัศนียภาพ ปากคลองนาเกลือ และคลองนกยาง (สะพานยาว) ซึ่งเป็นป่าชายเลนผืนสุดท้ายของเมืองพัทยา นอกจากนี้เมืองพัทยายังมีแผนลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมเบ็ดเสร็จในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและอยู่ระหว่างดำเนินการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ส่วนโครงการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองพัทยา รถไฟฟ้ารางเบา (Tram Way) จะเป็นการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งขณะนี้ได้ศึกษาเส้นทางในแต่ละเฟสและศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อยู่ในขั้นเตรียมการซึ่งมีผู้สนใจร่วมทุนจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายยกระดับการขนส่งเพื่อคนพัทยา นักท่องเที่ยว และประชาชนทุกระดับชั้น สามารถเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวก เชื่อมโยงการเดินทางและเป็น feeder ร่วมกับระบบขนส่งมวลชนท้องถิ่นเมืองพัทยา เช่น รถสองแถว รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถแท็กซี่ และรถประจำทางด้วย รวมทั้ง โครงการนีโอเกาะล้าน ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณไปแล้วและอยู่ระหว่างการดำเนินการ ได้แก่ การสร้างถนนรอบเกาะล้านที่สอดรับกับสภาพแวดล้อมจำนวน 15 เส้นทาง การพัฒนาระบบเตาเผาขยะและบำบัดน้ำเสีย การพัฒนาท่าเทียบเรือที่สะดวกปลอดภัย ซึ่ง “ในเวลาเพียง 3 ปี และมีวิกฤตโควิด 2 ปี มั่นใจว่าพวกเราเห็นพัทยาก้าวมาได้ดีและจะดีมากขึ้นในอนาคตเมื่อโครงการต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย จึงขอฝากนายกเมืองพัทยาคนใหม่ ให้สานต่อวิสัยทัศน์เมืองพัทยา ยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปี (2566-2570) ที่ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันจัดทำไว้ เพื่อสร้างเมืองแห่งโอกาส เศรษฐกิจสมดุลคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกคน” นายสนธยากล่าวทิ้งท้าย……