เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 30 ม.ย.67 พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา ได้มีความสั่งให้จ.ส.ต.ทัศนัย เติมผล เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยาลงพื้นที่ภายในหมู่บ้าน พูวิลล่าแห่งหนึ่งภายในซอย 15 ทัพยา ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีโจรแต่งตัวตัวดีเข้ามาก่อเหตุ ขโมยทรัพย์สินภายในบ้านจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนทางด้านชุดสืบสวนสภ.เมืองพัทยาจึงได้วางแผนกับชาวบ้านเพื่อเฝ้าตามดูพฤติกรรมของโจรรายนี้
ที่เกิดเหตุสามารถจับกุมนายธนภัทร แสงจำรัง อายุ 31 ปี พร้อมของกลางเงินสดที่ปีนบ้านเข้าไปขโมยหลายพันบาทก่อนยึดทั้งหมดเก็บไว้เป็นหลักฐานก่อนคุมตัวสอบเข้มที่สภ.เมืองพัทยา โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้เข้ามาก่อเหตุภายในหมู่บ้านดังกล่าวหลายครั้งแล้วโดยเงินที่หามาได้จากการขโมยนั้น ตนก็จะเอาไปใช้หนี้การพนันและเอาไปเล่นการพนันจนหมดเมื่อเงินหมดก็จะกลับมาก่อเหตุ ลักขโมยแบบนี้อยู่ตลอดแต่ครั้งนี้ไม่รอดสายตาเจ้าหน้าที่ถูกตามจับได้ทันควัน
ต่อมาด้านเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้คุมนายมณเฑียร สงครามสุข อายุ 53 ปีเป็นพนักงาน ขับโบ๊ทคอยรับส่งผู้ต้องหาโดยครั้งตนได้รับการว่าจ้างจากผู้ต้องหาให้ไปรับที่กรุงเทพก่อนจะให้มาส่งหมู่บ้านดังกล่าวและทางผู้ต้ิงให้ตนนั้นไปจอดข้างรถข้างนอกโดยบอกว่ามาหาพี่ชายแปปเดียวก่อนจะให้ตนวนกลับมารับแต่ถูกเจ้าหน้าที่แสดงตัวจับกุมเมื่อตรวจสอบภายในรถพบว่ามีเสื้อคลุมแขนยาวและกระเป๋าสะพายของผู้ต้องหาจึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานก่อนคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สภ.เมืองพัทยาว่ามีความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องอย่างไรบ้าง
เสียงจากคนดูแลบ้านพลูวินล่าฉัตรชัย แท่นทอง อายุ 37 ปี บอกด้วยว่าผู้ก่อเหตุดังกล่าวเข้ามาก่อเหตุหลายครั้งแล้วแต่จับไม่เคยได้จนต้องประสารให่เจ้าหน้าหน้าที่ชุดสืบสวนเข้ามาเฝ้าติดตามจับกุมจนครั้งสามารถจับตัวไว้ได้ดังกล่าว
นอกจากนี้จ.ส.ต.ทัศนัย เติมผล เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยาบอกด้วยตนพร้อมทีมงานได้หลังได้รับความสั่งจากผู้บังคับบัญชาจึงได้เข้าพื้นที่หมู่บ้านดังกล่าว โดยได้ไปจอดซุ่มรอภายในหมู่บ้านนานกว่า 3 คืนจนช่วงใกล้เช้าวันนี้ผูัก่อเหตุได้ย้อนรอยกลับมาก่อเหตุโดยปีนบ้านเข้าไปก่อเหตุจำนวน 3 หลังแต่หลังที่ 3 ได้ออกทางหน้าประตูบ้าน ตนเห็นว่าเป็นผู้ต้องหาตามเป้าหมายจึงได้แสดงตัวขอจับกลุ่มแต่ทางตัวผู้ต้องหานั้นได้ไหวตัวพยายามวิ่งหลบหนีชาวบ้านภายในหมู่บ้านจึงได้พากันล้อมจับไว้ได้ก่อนจะถูกชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ด้วยความโกรธแค้นที่ถูกขโมยอยู่บ่อยครั้งโดยทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้ต้องดังกล่าวนั้นเป็นคนเดียวที่เข้ามาก่อเหตุอยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่รอดชะตากรรม
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่จะสอบสวนตังผู้ต้องหาอย่างระเอียดเพราะมีผู้เสียหายจำนวนมากที่เข้ามาร้องเรียนจำนวนมาก ส่วนพนักงานโบ๊ททางเจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การเพราะทั้งสองคนนั้นพูดไม่ตรงกันจึงต้องคุมมาสอบสวนเพิ่มก่อนทำบันทึกจับกุมตัวผู้ต้องหาส่งให้พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
