ชาวบ้านบ้านเดือดร้อนร้องขอความเป็นธรรมสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 ยึดที่ชาวบ้านที่ตั้งรกรากมาตั้งแต่สมัยปู่ยาตายาย ทำโครงการสวนป่าสิริเจริญวรรษ ส่งผลให้ทำมาหากินไม่ได้กลัวโดนข้อหาบุกรุกป่าเพราะถูกดำเนินคดีติดคุกมาแล้ว 2 ราย
ในวันนี้ 28 มิ.ย.63 นางมะลิวัลย์ เติมต่อ อายุ 44 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 5 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมด้วยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ จากกรณีที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่รับผิดชอบผืนป่าในพื้นที่ภาคตะวันออก ได้มีการจัดทำโครงการสวนป่าสิริเจริญวรรษ เมื่อปี 2548 โดยใช้พื้นที่เขตทรงสงวนที่ดูแลโดยกองทัพเรือ ส่งผลกระทบกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่เดิมอย่างมากมาย มีการกั้นอาณาเขตโดยไม่ได้มีการสอบถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่แต่เดิม มีการใช้พื้นที่โครง การดังกล่าวถึง 1,873 ไร่ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอย่างมากมาย เมื่อเข้าทำกินในที่ดินของตนเองถูกจับและฟ้องศาลและศาลได้สั่งยกฟ้องแล้ว
นอกจากนี้ยังมีชาวบ้าน 2 ราย ถูกจับดำเนินคดีบุกรุกป่าฟ้องศาลจำคุก 1 ปี และ 4 ปี อีกด้วย ทำให้ชาวบ้านเกรงกลัว จึงได้ร้องเรียนสื่อมวลชนขอความเป็นธรรม เพราะต้องการเข้าไปประกอบอาชีพในพื้นที่ของตนเอง
นางมะลิวัลย์ กล่าวว่า ตนเองได้รับมรดกที่ดินตกทอดมาจากปู่ย่าตายาย ที่ทำมาหากินมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ยอมรับว่าไม่มีเอกสารกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เพราะอดีตอยู่แต่ในป่าเขา ไม่รู้ว่าทางราชการประกาศให้มีการไปขอออกโฉนดที่ดินได้ ในฐานะที่เป็นลูกหลานก็ทำมาหากินในพื้นที่มาโดยตลอด ปลูกต้นมะ ขาม ต้นมะพร้าว ตัดหน่อไม้ จนกระทั่งได้มีการขยายการทำโครงการสวนป่าสิริเจริญวรรษเกิดขึ้น และมีเจ้าหน้าที่มาทำการปักเขตเข้ามาในที่ดินของพวกตนที่ทำมาหากินมาแต่ก่อน ก็พยายามต่อสู้แต่ไม่สามารถต้านอำนาจของรัฐได้ กล่าวแต่เรื่องกฎหมาย ซึ่งพวกตนไม่รู้เรื่อง ก็พยามยามต่อสู้ในที่สุดพวกเจ้าหน้าที่ก็มากั้นอาณาเขต และห้ามไม่ให้เข้าไปทำมาหากิน แต่เมื่อเข้าไปในที่ของตนเองกลับถูกแจ้งข้อหาบุกรุกป่า ก็ต้องไปต่อสู้ทางศาลจนศาลยกฟ้องแล้วก็ยังไม่ยอมให้เข้าไปในที่ทำกินอีก อ้างว่าศาลไม่ได้สั่ง ทำให้พวกตนเดือดร้อนกันมาก เพราะไม่มีที่ทำกินโดยเฉพาะที่ดินของตนเองก็เข้าไปไม่ได้ จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อมวล ชน หวังว่าจะเป็นกระบอกเสียงให้พวกตนได้รับความเป็นธรรมบ้าง และมีที่ดินทำกินเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
ต่อมาได้มีการร้องเรียนไปถึงคณะกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องทุจริตวุฒิสภา ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงเขตทรงสงวนกองทัพเรือ โดยพลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบและเสริมสร้าง ธรรมาภิบาลวุฒิสภา นาวาเอก วรยุทธ ปัตตายะโส นายทหารพระธรรมนูญ กองทัพเรือ นายอนุชา อินทศร นายอำเภอสัตหีบ พร้อมคณะกรรมาธิการ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงบริเวณที่ก่อสร้างสถานประกอบการเบวลาจิโอ้ เขาชีจรรย์ ซึ่งอยู่ในความดูแลของ นายสุรเทพ โตพานิช เจ้าของร้านมุมอร่อยโคโม่ เขาชีจรรย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยเช่นกันจากการปฏิบัติหน้าที่ของ จนท.ดังกล่าวจากการขยายเขตจัดโครงการสวนป่าสิริเจริญวรรษ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้แล้ว ยังได้ทำเส้นทางรถจักรยานหรือไบค์เลน โดยการขออนุญาตการใช้พื้นที่เขตทรงสงวน ซึ่งกองทัพเรือดูแลอยู่ ปรากฏว่าได้มีการแบ่งเขตพื้นที่โดยไม่มีการสำรวจและประชาชนที่อาศัยบริเวณดังกล่าวไม่ทราบข้อเท็จจริง รวมทั้งมีการไปชี้แนวป่าผิดพลาด ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 แจ้งข้อหาบุกรุกป่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ส่งผลให้มีผู้ถูกดำเนินคดีและถูกฟ้องศาล มีผู้ถูกคำพิพากษาให้จำคุก และยกฟ้องก็มี จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เกิดขึ้น เพื่อส่งต่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อพิจารณาต่อไป โดยนายสุรเทพ ได้มอบเอกสารความเดือดร้อนของชาวบ้านและเอกสารของตนเอง เพื่อขอความเป็นธรรมจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวในครั้งนั้นไปแล้วด้วย
ซึ่งคณะกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องทุจริตวุฒิสภา จะได้มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไปแล้ว
นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645,0945565622/086-3684323