จากกรณีนาย Mu Dihui Wu Dihui อายุ 33 ปี สัญชาติจีน มาแจ้งความที่ สภ.บางละมุง ว่ามีสาวไทยไม่ทราบชื่อและนามสกุล ซึ่งรู้จักผ่านแอปโดยรู้จักที่ กทม. ได้ประมาณ 6-7 วัน ก่อนผู้หญิงชักชวนให้มาท่องเที่ยวที่เมืองพัทยา โดยพักภายในซอยเขาตาโล ซึ่งระหว่างนอนพักในห้องพักได้มี SMS เข้ามาในมือถือแจ้งว่ามีเงินสดจำนวน 32,815 บาท ถูกใช้ในการซื้อสร้อยคอทองคำ 2 ครั้ง ส่วนตัวผู้หญิงสาวได้หายไป จึงได้มาแจ้งความลงบันทึก เพื่อป้องกันไม่ให้หญิงสาวคนดังกล่าวนำบัตรไปทำความเสียหายอีก
ทางด้าน นางสาว บี นามสมมุติ น้อง ผญ ในคลิปก็ได้ไปร้องขอความเป็นธรรมกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ว่าที่คนจีนเข้าแจ้งความและมีข่าวลงไม่เป็นความจริง เป็นหนังคนละม้วน โดยอ้างว่าคนจีนเป็นคนออกอุบายให้ไปรูดเงินสดที่ร้านทองร้านนี้เอง พอได้เงินเทอก็เดินนำเงินมาให้คนจีนทุกบาททุกสตางค์ จากนั้นคนจีนก็พยายามจะข่มขืนแต่เธอไม่ยอม ก่อนจะหนีมามาขอความช่วยเหลือจากวิน จยย. วินจึงพาเธอมาส่งขึ้นรถแท๊กซี่กลับบ้าน
ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์
ผกก.สภ.บางละมุง มอบหมายให้ พ.ต.ท.กรณ์พงษ์ สุขวิสิฏฐ์ รอง ผกก.สส.สภ.บางละมุง เจ้าหน้าที่สืบสวน ได้นำหมายจับ น.ส.ดาริญรัชต์ หิรัญอธินันท์ อายุ 31 ปี ของ ศาลจังหวัดพัทยาที่ 177/2567 ลงวันที่ 25 มี.ค.2567 ที่ บ้านเลขที่ 80 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 96/1 แขวง บางอ้อ เขต บางพลัด จ.กรุงเทพมหานคร ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์ เอาไปเสียซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นซึ่งได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้โดยมิชอบ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
จากนั้นได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ บางละมุง โดย น.ส.ดาริญรัชต์ โดยยอมรับสารภาพว่าได้ขโมยบัตรของคนจีนจริงโดยนำไปรูดซื้อทองและเลกเอาเงินไปจริง ซึ่งตนก็ขอโทษกับสังคมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนที่คนจีนบอกว่าตนไม่ตรงปก ตนก็อยากบอกว่าคนจีนก็ไม่ตรงปกซึ่งเขาก็ไม่มีผมแต่ตนก็ไม่ได้โฟกัสเรื่องนี้เพราะไม่คิดอะไรแค่คุยเป็นเพื่อนกัน