เจ้าของ”โรงน้ำแข็งวรัญชญ์” สบช่องตลาดคนรักสัตว์โตเปิดร้านขายสินค้าสัตว์ครบวงจรกลางเมืองศรีราชา อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี ถือเป็นเมืองที่มีการเติบโตทางธุรกิจหลากหลายรูปแบบจากข้อได้เปรียบของสภาพภูมิประเทศที่มีทั้งทะเลและภูเขา จนถูกขนานนามว่าเป็น “Little Tokyo” เพราะนอกจากจะเป็นพื้นที่ที่มีชาวญี่ปุ่นเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแล้วผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ยังพากันปรับรูปแบบร้านให้สอดรับกับการอยู่อาศัยของชาวญี่ปุ่น
ไม่เพียงเท่านั้นการเป็นพื้นที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่มีทั้งโรงงานอุตสาหกรรม ท่าเรือน้ำลึก โรงพยาบาลขนาดใหญ่ โรงเรียนและห้างสรรพสินค้า สงผลให้เมืองแห่งนี้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในทุกมิติ ไม่เว้นแม้แต่ตลาดอาหารสัตว์โดยเฉพาะสุนัขและแมวที่ในวันนี้ต้องยอมรับว่าคนในพื้นที่ อ.ศรีราชา มีรายได้และกำลังซื้อสูงมากหากเทียบกับหลายพื้นที่ของจังหวัด
นางภัควลัญชญ์ ชำนิ ผู้บริหารกลุ่มบริษัท เอ็ม มารีน 2018 จำกัด ซึ่งในปี 2565 ที่ผ่านมาได้ทุ่มงบประมาณไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาทก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำแข็งหลอดขนาดกลางและใหญ่ป้อนธุรกิจร้านอาหาร โรงแรมและการท่องเที่ยวในเมืองศรีราชา ,พัทยาและชลบุรี ที่กำลังเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 มองเห็นลู่ทางดำเนินธุรกิจ
โดยเฉพาะการตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนรักสัตว์ที่มีทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่น ไม่รอช้าที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจในช่วงที่แนวโน้มโควิด-19 เริ่มคลี่คลายด้วยการเปิดร้าน “วลัญชญ์ Pet Shop”
“ธุรกิจของเราไม่ใช่ทำกันแบบว่าอยากทำก็ทำแต่เราจะมองถึงความเป็นไปได้และโอกาสโดยในช่วงที่โควิด-19 ระบาดอย่างหนักเรามีอาคารพาณิชย์บริเวณสี่แยกไฟแดงเซนต์ปอลฯ ศรีราชา ที่ไม่ได้ใช้งานและมีคนมาขอเช่าทำร้านอาหารซึ่งเรามองว่าไม่เหมาะ ประกอบกับเป็นคนเลี้ยงสุนัขพันธุ์รามาดอร์ ที่ในช่วงโควิดเราหาอาหารให้สุนัขของเราไม่ได้ ก็เลยมองว่าคนอื่นก็คงเจอปัญหาเหมือนกัน จึงตัดสินใจนำอาคารพาณิชย์ที่มีเปิดร้านจำหน่ายอาหารสุนัขและแมวจำนวน 1 คูหา”
นางภัควลัญชญ์ บอกว่าหลังเปิดร้านไม่นานก็ได้รับการตอบรับจากกลุ่มคนรักสุนัขและแมวในพื้นที่เป็นอย่างดีจนต้องตัดสินใจขยายพื้นที่วางสินค้าอีก 1 คูหาเพื่อตอบโจทย์คนรักสัตว์และได้นำสินค้าทุกชนิดที่ลูกค้าถามหาและทางร้านไม่มีมาวางจำหน่ายในทุกรูปแบบ ทั้งอาหารสัตว์ยี่ห้อต่างๆ แชมพู ของเล่น แอสเซสซอรี่ ไม่เว้นแม้แต่เครื่องนอนสัตว์ทุกชนิดและน้ำมันกัญชาคลายเครียดให้กับสุนัขและแมว
การลงทุนในครั้งนี้บริษัทฯ ใช้เงินประมาณ 2 ล้านบาทเป็นค่านำสินค้าเข้ามาขาย ส่วนร้านจำหน่ายเป็นอาคารเก่าที่นำมาแต่งใหม่จึงไม่ได้แบกรับต้นทุนดำเนินการมากนัก
“สินค้าของเรามีตั้งแต่ราคาเบาๆ ไปจนถึงราคากลุ่มพรีเมี่ยม ยกตัวอย่างเช่นอาหารสุนัขและแมว เราได้แบ่งขายเป็นถุงแบบกิโลกรัมเพื่อให้คนมีรายได้น้อยได้มีอาหารเลี้ยงสัตว์เลี้ยงของตนเองในราคาตั้งแต่ถุงละ 45-55 บาท ส่วนราคาอาหารตั้งแต่ 900-1,000 บาทก็ขายดีมากแสดงให้เห็นว่าชาวศรีราชามีกำลังซื้อสูงและลูกค้าของเราคือกลุ่มวัยกลางคนมากกว่ากลุ่มวัยรุ่นและช่วงที่ขายดีที่สุดคือช่วง 1 ทุ่มถึง 4 ทุ่มเพราะร้านเราอยู่บริเวณสี่แยกไฟแดง ”
ส่วนสาเหตุที่ทางร้านวางจำหน่ายสินค้าหลากหลายราคาตั้งแต่กลุ่มราคาย่อมเยาว์ไปจนถึงกลุ่มพรีเมี่ยมเพราะต้องการให้ลูกค้าในทุกกลุ่มได้ใช้อาหารและผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ดีและเหมาะสม เนื่องจากตนเองก็เป็นคน รักสัตว์และเคยมีรายได้น้อยมาก่อนจึงทำให้การตั้งราคาขายสินค้าในหลายชนิดถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป
“ เราไม่มีต้นทุนในเรื่องค่าเช่าร้านจึงทำให้สามารถกำหนดราคาขายได้ง่ายขึ้น อีกทั้งการแข่งขันในธุรกิจจำหน่ายอาหารสัตว์ในพื้นที่แทบไม่มีและเราถือเป็นร้านเดียวที่มีสินค้าครบวงจร ทำให้ลูกค้ากล้าที่จะเดินเข้ามาและกลุ่มลูกค้าของเราก็ไม่ใช่เฉพาะคนไทยแต่ยังมีทั้งชาวญี่ปุ่น เกาหลี และกลุ่มชาวยุโรปที่เข้ามาอาศัยในพื้นที่ ”
นางภัควลัญชญ์ มั่นใจว่าหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายผู้ที่มีกำลังซื้อในเมืองศรีราชาและใกล้เคียงจะกล้าใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรักสัตว์ที่พร้อมจะจับจ่ายเพื่อสัตว์เลี้ยงที่รักและยังเชื่อมั่นว่าตลาดจำหน่ายอาหารสุนัข และแมว รวมทั้งสัตว์เลี้ยงต่างๆ จะยังคงเติบโตได้อีกมากจากพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่นิยมเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนแก้เหงามากขึ้น