หน้าแรก ข่าวประชาสัมพันธ์  หลายหน่วยร่วมตรวจสอบ บ้านเรือนไทย 2 หลัง ปลูกบนเกาะกลางลำรางสาธารณะ เตรียมสั่งให้รื้อถอน

 หลายหน่วยร่วมตรวจสอบ บ้านเรือนไทย 2 หลัง ปลูกบนเกาะกลางลำรางสาธารณะ เตรียมสั่งให้รื้อถอน

548
0
แบ่งปัน

บ้านเรือนไทย 2 หลัง กลางลำรางสาธารณะ ปลัดอำเภอสัตหีบ  รองนายกเทศมนตรีตำบลเขาชีจรรย์  นายช่างรังวัดที่ดินสัตหีบ  ป่าไม้  ป.ป.ช.ชลบุรี กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมบูรณาการตรวจสอบ ชี้ชัดบ้านปลูกกลางลำรางสาธารณะ เทศบาลเตรียมส่งหนังสือสอบถามให้เจ้าของที่ยืนยันสิทธิ์

   จากกรณีที่ได้มีประชาชนร้องเรียนสื่อมวลชนว่า ขณะนี้ได้มีนายทุนจากกรุงเทพฯ เข้ามาพัฒนาพื้นที่ หมู่ 7  ต.นาจอมเทียน เขตความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลเขาชีจรรย์  ต.นาจอมเทียน  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี  พบว่ามีพื้นที่บางส่วนถมดินเกินเข้าไปในลำธารสาธารณะ และขอให้ตรวจสอบบ้านเรือนไทย  2  หลัง ปลูกกลางแอ่งเก็บน้ำสาธารณะ ซึ่งต่อมา  นางนงค์ลักษณ์ จิตรใจกล้า  รองนายกเทศบาลตำบลเขาชีจรรย์  นายจิตติณ โรจน์บุนส่งศรี นิติกร และ นายพชร ศรีวิชัย ผอ.กองช่าง  ได้พาสื่อมวลชนลงพื้นที่ดังกล่าว พร้อมกับ  ดร.สะถิระ  เผือกประพันธุ์ ส.ส.เขต 10 พรรคพลังประชารัฐ  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในฐานะตัวแทนของประชาชนเดินทางไปร่วมตรวจสอบ ชี้แนวเขตสถานที่ที่ได้รับการร้องเรียนด้วย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้ไม่ถูกประชาชนเคลือบแคลงสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ของทุกฝ่าย

         ความคืบหน้าในเรื่องนี้ (21 กันยายน 2566)นายสิทธิพร แสงสว่าง ปลัดอำเภอสัตหีบ  นายปรีชา แนบถนอม หัวหน้าฝ่ายป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ชลบุรี  นางนงค์ลักษณ์  จิตรใจกล้า  รองนายกเทศบาลตำบลเขาชีจรรย์  นายจิตติณ โรจน์บุนส่งศรี นิติกร และ นายพชร ศรีวิชัย ผอ.กองช่าง นายธนพัฒน์ บรรบุปผา กำนันตำบลนาจอมเทียน  นายทวี สุวรรณโชติ  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ    นายประพันธ์ศักดิ์ ขวัญศรี นายช่างรังวัดชำนาญงาน สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาสัตหีบ และเจ้าหน้าที่จาก สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ชลบุรี)  ได้บูรณาการร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบลำรางสาธารณะที่มีการปลูกสร้างบ้านไม้ทรงไทย จำนวน 2 หลัง กลางลำรางสาธารณะ พบว่าบ้านหลังใหญ่ได้มีการปรับปรุงต่อน้ำ ต่อไฟฟ้าเข้าไปมีร่องรอยการเข้าพัก  ส่วนบ้านอีกหลังยังปล่อยให้เป็นบ้านรกร้าง ไม่มีร่องรอยของการเข้าพักอาศัย

นายประพันธ์ศักดิ์ ขวัญศรี นายช่างรังวัดชำนาญงาน สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาสัตหีบ  กล่าวว่า บ้านเรือนไทยทั้ง 2 หลัง จากการตรวจสอบ ไม่พบเอกสารสิทธิในสำนักงานที่ดิน บ้านทั้ง 2 หลังอยู่บนเกาะกลางน้ำ ในลำรางสาธารณะ  ส่วนลำรางสาธารณะ ด่านหน้าติดถนนนั้น เกิดจากความข้องใจ คลาดเคลื่อน ทางบริษัทก่อสร้างในที่ดินของตัวเอง ซึ่งทางที่ดินเตรียมส่งเอกสารแผนที่ ที่ดิน ให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

       โดย นางนงค์ลักษณ์  จิตรใจกล้า  รองนายกฯ เปิดเผยว่า  สำหรับบ้านเรือไทยไม้ 2 หลังที่ปลูกสร้างกลางลำรางสาธารณะนั้น ได้มีการปลูกสร้างไว้ก่อนที่ ผู้บริหารชุดใหม่ จะเข้ามาบริหารต่อจากชุดเก่า  ซึ่งในอดีตจะไม่มีผู้ใดได้พบเห็นบ้านทั้ง 2 หลังนี้ เพราะอยู่ด้านในติดกับริมภูเขา มีต้นไม้ขนาดใหญ่บดบัง  แต่เมื่อเจ้าของที่ดินได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่จึงได้พบว่ามีบ้านเรือนไทยอยู่ด้านในแห่งนี้  ซึ่งทางเทศบาลจะได้ออกหนังสือสอบถามเจ้าของที่ดินทั้ง 2 ราย ที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่ว่าเป็นบ้านของผู้ใดที่เข้ามาครอบครองต่อจากเจ้าของเดิม ถ้าพบว่าเป็นบ้านของผู้ใดก็จะแจ้งให้ดำเนินการรื้อถอนออกไปถ้าไม่มีผู้ใดรับทางเทศบาลก็จะดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

     นายสิทธิพร แสงสว่าง ปลัดอำเภอสัตหีบ กล่าวว่า จากกรณีที่ทราบว่ามีการร้องเรียนเพื่อให้ตรวจสอบที่ดินสาธารณะ และลำรางสาธารณะ เพราะประชาชนเกรงว่าถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่เข้าไปตรวจสอบแนวเขตในตอนนี้ ในอนาคตอาจจะมีการบุกรุกที่ดินสาธารณะ และลำรางสาธารณะ ซึ่งทางอำเภอสัตหีบไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับทราบ และบูรณาการร่วมกันตรวจสอบ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าหน่วยงานรัฐ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเข้ามาดูแล รักษาที่ดินสาธารณะซึ่งเป็นสมบัติของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาชนทุกคนสิทธิเข้ามาใช้ประโยชน์ ทางอำเภอสัตหีบ ยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้ที่ดินสาธารณะ และลำรางสาธารณะตกอยู่ในการครอบครองของนายทุนอย่างแน่นอน

นายปรีชา แนบถนอม หัวหน้าฝ่ายป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ชลบุรี   กล่าวว่า จากภาพข่าวสื่อมวลชน ที่ออกมาเป็นที่น่าสนใจ มีบ้านหลังใหญ่ สร้างกลางน้ำได้ มีเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ตอนนี้ก็ได้มีการพิสูจน์ทราบเรื่องที่ดินแล้ว ส่วนการปลูกสร้าง อำนาจอนุมัติการก่อสร้างและแบบอาคาร จะอยู่ในความดูแลของทางเทศบาล ถ้าเป็นลำรางสาธารณะ ทางเทศบาลก็ขออนุมัติไม่ได้  ก็ต้องรื้อถอน ถ้าหน่วยงานรัฐทำแบบเที่ยงตรงแบบนี้ เราก็สามารถทวงคืนที่ดินสาธารณะได้ ซึ่งสำนักงาน ปปช. ก็เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด  ซึ่งปัจจุบัน ได้ถามทุกหน่วยในพื้นที่ ก็ยังไม่มีใครทราบว่าเป็นบ้านของใคร