จากกรณีที่มีชาวบ้านร้องเรียนว่าที่ซอย 15 จอมเทียน จ.ชลบุรี ได้สร้างประตูสังกะสีปิดทางเข้าออกไม่ยอมให้รถผ่านจากชายหาดจอมเทียน ทะลุออกไปยังถนนจอมเทียนสายสอง พร้อมทั้งติดป้ายถนนส่วนบุคคล ปักป้ายซอย 15 จอมเทียน จึงทำให้ชาวบ้านที่ใช้ถนนเส้นดังกล่าวมายาวนานกว่า 30 ปี เกิดความสงสัย และอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและคำชี้แจง
นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังจากที่เมืองพัทยาได้รับการร้องเรียนถนนซอย 15 จอมเทียน มีสังกะสีปิดทางเข้าออกไม่ยอมให้รถสัญจรผ่าน ซึ่งเมืองพัทยาได้ทำถนนตั้งแต่ปี 2545 เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเกิดน้ำท่วม ทางเมืองพัทยาต้องทำท่อระบายน้ำเพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมในช่วงนั้น ซึ่งได้ดำเนินการสร้างถนนตั้งแต่ปี 2545 จนเสร็จสิ้นปี 2546 ประชาชนได้ใช้ถนนสัญจรไปมาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ซึ่งทีดินแปลงนี้เจ้าของที่ได้จดภาระจำยอมตั้งแต่ปี 2533 หลังจากมีการตัดถนนจอมเทียนสายสองขึ้น ทำให้ถนนเส้นนี้มีทางเข้า ออก 2 ทาง ซึ่งเจ้าของที่ที่มาซื้อที่ดินแปลงนี้ในช่วงปี 2554 ก็จะมาใช้สิทธิ์ ทางเมืองพัทยาก็ลงมาพูดคุย เนื่องจากถนนเส้นนี้ใช้สัญจรมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยไม่มีเจ้าของที่ดินมาแจ้งสิทธิ์นานกว่า 20 ปี เบื้องต้นก็ได้มีการพูดคุย โดยทางเมืองพัทยาใช้สิทธิ์ให้เจ้าของที่นำป้าย และประตูสังกะสีออกไปก่อน ส่วนทางเจ้าของที่จะเรียกร้องสิทธิ์ก็ต้องว่าไปตามข้อกฎหมาย
ซึ่งตามกฎหมายแล้วทางเมืองพัทยาได้ทำถนนทับโฉนดถ้าเกิน 10 ปี โดยเจ้าของที่ไม่แสดงสิทธิ์ ซึ่งประชาชนได้ใช้สัญจรกว่า 10 ปี ศาลจะพิจารณาให้เป็นทางสาธารณะ ส่วนในเรื่องการเสียภาษีก็เป็นคนละเรื่องกัน เนื่องจากที่ดินแปลงนี้ได้จดภาระจำยอมตั้งแต่ปี 2533 หลังจากที่เมืองพัทยาได้ทำถนนเส้นนี้กว่า 21 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีเจ้าของที่ดินมาแสดงสิทธิ์ ว่าห้ามบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ภาระจำยอมมาใช้ได้ ก็ปล่อยให้ประชาชนที่อยู่บริเวณนี้ใช้กันมานาน ซึ่งถนนเส้นนี้ไม่ได้เป็นทางก็จริง แต่มีการจดภาระจำยอมขึ้น เมืองพัทยาก็ได้เล็งเห็นว่าถนนเส้นนี้สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจอมเทียนได้ หลังจากนี้ทางเมืองพัทยาก็ได้พูดคุยกับตัวแทนเจ้าของที่ให้มีการเปิดถนนเส้นดังกล่าวให้ประชาชนได้ใช้สัญจร ส่วนเจ้าของที่จะเรียกร้องสิทธิ์จดภาระจำยอมก็ให้เรียกร้องสิทธิ์ และดำเนินการไปตามขั้นตอน
ล่าสุดทางด้าน นายธนันชัย ประกอบกิจ 38 ปี กล่าวว่า เบื้องต้นได้พูคุยกับทางเจ้าของที่ดิน ทางเจ้าของที่ก็ได้ให้ความร่วมมือในการเปิดถนนให้ประชาชนได้ใช้สัญจรไปก่อน ส่วนจะยกให้เป็นพื้นที่สาธารณะทางบริษัทจะเข้าไปพูดคุยกับเจ้าของที่ดินอีกครั้ง แต่ก็ยังยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวยังเป็นของบริษัทซึ่งทางบริษัทก็ยังไม่ได้สละสิทธิ์การครอบครองที่ดิน