วันนี้ (30 ก.ย.) นายบรรลือ กุลละวณิชย์ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักการช่างเมืองพัทยา นำคณะที่ปรึกษานายกเมืองพัทยา บุคลากรและผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่บริเวณสถานีสูบน้ำปากคลองปึกพลับ ถนนสายนาเกลือ ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อทำการปรับสภาพหน้าดิน หลังได้ดำเนินการรื้อถอนอาคารที่ปลูกสร้างทับแนวจำนวน 2 หลังที่สร้างคร่อมแนวคลองสาธารณะที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อการขยายเปิดเส้นทางให้น้ำจากผิวจราจรสามารถระบายลงสู่คลองสาธารณะมากขึ้น อันจะทำให้การบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงที่ผ่านมาเบาบางลง
นายบรรลือ กุลละวณิชย์ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่าขณะนี้การแก้ไขปัญหาการบุกรกแนวคลองสาธารณะคลองปึกพลับมีความคืบหน้าไปมาก มีหลายอาคารที่ถูดำเนินการปิดหมายรื้อถอนและได้ดำเนินการแล้วหลายราย แม้จะยังมีบางรายที่ยังอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาระดับจังหวัด แต่สุดท้ายก็คงมีผลที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปด้วยเมืองพัทยาได้มีการรังวัดแนวเขตคลอง หลักฐานภาพถ่ายทางอากาศ และพยานแล้วอย่างครบถ้วน อย่างไรก็ตามอาคารที่มีการบุกรุกแนวคลองนั้นได้แบ่งออกเป็น 2 โซฯ คือ โซน A ซึ่งเป็นกลุ่มลักษณะของอาคารพาณิชย์อาคารขนาดใหญ่ตามแนวคลองซึ่งดำเนินไปแล้ว ยังเหลือในส่วนของโซน B ที่เป็นส่วนของกลุ่มชุมชนแออัดบริเวณปากคลองจำนวนกว่า 30 ราย ซึ่งกำลังพยาบาลในการจัดสรรหาที่อยู่ใหม่ให้ โดยการประสานงานร่วมกับการเคหะแห่งชาติ เนื่องจากโซนนี่ยังไม่กระ ทบกับการไหลของน้ำมากนักและส่วนใหญ่จะเป็นผู้ยากไร้ แต่ด้วยขนาดปากคลองมีความคับแคบและมีสถานีสูบน้ำขวางกั้นอยู่ทำให้มวลน้ำจำนวนมากที่ไหลบ่าลงมาไม่สามารถระบายลงสู่คลองได้อย่างรวดเร็ว จึงมีการออกคำสั่งให้รื้อถอนอาคารบางส่วนบริเวณปากคลองจำนวน 2 หลัง เพื่อขยายแนวปากคลองให้มีขนาดความกว้างเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 15-20 เมตร โดยวันนี้ได้มีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ลงมาปรับสภาพหน้าดินวางโครง สร้างและเท ค.ส.ล.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าการระบายน้ำจากผิวจราจรลงสู่คลองปึกพลับจะเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีปะระสิทธิภาพมากขึ้นแน่นอน
อย่างไรก็ตามเพื่อให้ปัญหาน้ำท่วมขังลดลงจึงได้ประสานไปยังเจ้าของอาคารจำนวน 3 แห่ง เพื่อทำการรื้อถอนพื้นที่บางส่วนบริเวณปากคลองปึกพลับ ซึ่งจะทำให้ปากคลองมีขนาดความกว้างมากขึ้นจากเดิมอีกกว่า 15-20 เมตร พร้อมทำการเทคอนกรีตในลักษณะลาดเอียงเพื่อรับน้ำจากผิวจราจรให้ไหลลงคลองได้อย่างสะดวกมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ปัญหาน้ำท่วมขังลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบว่าได้รับความร่วมมือจากเจ้าของอาคารเป็นอย่างดี ทั้งนี้คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 อาทิตย์