หน้าแรก Uncategorized กทบ. โชว์ผลสำเร็จกองทุนหมู่บ้านฯ ภาคกลางและภาคตะวันออก สร้างเสริม ส่งต่อ สู่อนาคต ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก

กทบ. โชว์ผลสำเร็จกองทุนหมู่บ้านฯ ภาคกลางและภาคตะวันออก สร้างเสริม ส่งต่อ สู่อนาคต ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก

303
0
แบ่งปัน

วันนี้ (11 สิงหาคม 2565) เวลา 9.30 น. ณ อาคาร 13 พลศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสร้างโอกาสในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน ซึ่งจัดขึ้นโดยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) โดยมี นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายรณเทพ อนุวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชลบุรี เขต 3 นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธัชชญาณ์ณัช เจียรธนัทกานนท์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายนายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เครือข่ายหมู่บ้าน องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้การสนับสนุนการขับเคลื่อนงานกองทุนหมู่บ้านฯ มาโดยตลอด เนื่องจากเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม พัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในหมู่บ้านและชุมชน รวมถึงการสร้างกิจกรรมในชุมชน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาการประกอบอาชีพ ส่งเสริมการผลิตสินค้าและบริการในชุมชน ก่อให้เกิดการจ้างงาน การสร้างรายได้ การจัดสวัสดิการ และการแก้ไขปัญหาในหมู่บ้านและชุมชนในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศให้เกิดความเข้มแข็งบนพื้นฐานของความพอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน สามารถพึ่งพาตนเองได้ ภายใต้แนวคิด BCG Economy Model เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน


โครงการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสร้างโอกาสในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน จัดขึ้นภายใต้แนวคิด
“สร้างเสริม ส่งต่อ สู่อนาคต” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ผลการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านฯ รวมถึง
การเปิดโอกาสให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชน รวมถึงเครือข่ายได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ถ่ายทอดบทเรียนอย่างสร้างสรรค์ นำผลิตภัณฑ์ของกองทุนหมู่บ้านฯ มาต่อยอดทำการตลาดสู่ภาคประชาชนให้แพร่หลายมากขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมุ่งเน้นการแสดงอัตลักษณ์ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนแต่ละแห่ง สร้างความภาคภูมิใจจากการร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และใช้ศักยภาพในการบริหารจัดการร่วมกัน เสริมสร้างความสามัคคีของชุมชน และทำให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนมีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน


กองทุนหมู่บ้านฯ ที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย 14 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง สมุทรปราการ สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบรางวัลชนะเลิศแก่ผู้แทนกองทุนหมู่บ้านฯ ใน 3 สาขา ประกอบด้วย รางวัลกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตัวอย่าง รางวัลโครงการตามแนวทางประชารัฐตัวอย่าง และรางวัลเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตัวอย่าง พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการ ‘กองทุนสร้างชุมชน’ สร้างเสริม ส่งต่อ สู่อนาคต ซึ่งเป็นการจัดแสดงผลงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนที่คัดเลือกมาจากแต่ละจังหวัด และการนำเสนอแนวทางการดำเนินงานของภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเผยแพร่ผลเป็นบทเรียนแห่งการเรียนรู้ เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ


สำหรับกองทุนหมู่บ้านฯ ที่มีการบริหารจัดการและการดำเนินงานที่โดดเด่นในพื้นที่ จ.ชลบุรี ประกอบด้วย กองทุนหมู่บ้านห้วยทวน หมู่ 3 อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เป็นชุมชนในเมืองขนาดใหญ่ที่สามารถบริหารจัดการกองทุนซึ่งมีสมาชิกจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลลัพธ์การดำเนินงานเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนด้วยการเปิดโอกาสและสร้างอาชีพให้กับประชาชนในชุมชน ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย ประมง และรับจ้าง การสนับสนุนของกองทุนฯ เปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจ เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนรวมถึงฐานะทางการเงินของหมู่บ้านดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกองทุนหมู่บ้านบางพลี หมู่ที่ 9 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่มีความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และมีผู้สนใจเข้ามาศึกษาดูงานในแต่ละปีจำนวนมาก โดยกองทุนหมู่บ้านบางพลีได้ตั้งโรงผลิตน้ำดื่มประชารัฐ เพื่อผลิตน้ำดื่มที่สะอาดบริสุทธิ์ ได้มาตรฐานให้แก่ประชาชนและชุมชนใกล้เคียงในราคาถูก ทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนในชุมชน สร้างงานสร้างอาชีพให้ประชาชน รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานด้านร้านค้าประชารัฐให้แก่ชุมชนอื่น รวมถึงการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการสงเคราะห์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการออมเงินและดูแลระบบสวัสดิการชุมชนอีกด้วย